คีธ เคลล็อก ทูตพิเศษด้านยูเครนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนแล้วในวันนี้ (14 ก.ค.) เพื่อหารือถึงการยกระดับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงและมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ท่ามกลางกระแสข่าวว่าสหรัฐฯ กำลังจะเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ ด้วยการส่งอาวุธเชิงรุกให้ยูเครนเป็นครั้งแรก
อันดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าสำนักประธานาธิบดียูเครน โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมว่า "มีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน ทั้งการป้องกันประเทศ การเสริมความมั่นคง อาวุธ การคว่ำบาตร การปกป้องประชาชน และการกระชับความร่วมมือระหว่างยูเครนกับสหรัฐฯ"
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (13 ก.ค.) ว่า เขาได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของรัสเซียและสถานการณ์ของยูเครน เพื่อนำเสนอต่อเคลล็อกโดยตรง
ปธน.เซเลนสกีกล่าวเสริมอีกว่า เคลล็อกจะเข้าพบกับบรรดาผู้บริหารของหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองของยูเครนด้วย
"การเจรจาเรื่องการสนับสนุนเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นตลอดสัปดาห์นี้" ปธน.เซเลนสกีกล่าว พร้อมเสริมว่า เขาต้องการให้สหรัฐฯ เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อบีบบังคับให้รัสเซียยอมเข้าสู่สันติภาพ
การเดินทางเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์เพิ่งประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าจะจัดส่งระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต (Patriot) ให้แก่ยูเครน เพื่อรับมือการโจมตีทางอากาศของรัสเซียที่รุนแรงขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น สำนักข่าวแอกซิออส (Axios) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ทรัมป์เตรียมจะประกาศแผนใหม่ในการจัดหาอาวุธเชิงรุกให้ยูเครน ซึ่งถือเป็นการพลิกนโยบายจากท่าทีเดิมของเขาอย่างสิ้นเชิงที่เคยเน้นการให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันเป็นหลัก