สื่อกัมพูชา Khmer Times รายงานในวันนี้ (24 ก.ค.) ว่า สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) กล่าวหากองทัพไทยว่าใช้กำลังทหาร "รุกรานโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า" ตามแนวชายแดน พร้อมเรียกร้องให้ UNSC จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อบีบให้ไทยยุติการกระทำอันเป็นปรปักษ์และถอนกำลังทหารกลับที่ตั้งโดยทันที
จดหมายซึ่งส่งถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ประจำเดือนก.ค. ระบุว่า กองทัพไทยได้เปิดฉากโจมตีที่มั่นหลายแห่งของกัมพูชาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ โดยเป้าหมายประกอบด้วยพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย ในจังหวัดพระวิหารและจังหวัดอุดรมีชัย
"กัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดและแสดงความขุ่นเคืองอย่างยิ่งต่อการรุกรานทางทหารโดยปราศจากการยั่วยุและไตร่ตรองไว้ล่วงหน้านี้" ผู้นำกัมพูชาระบุในจดหมาย พร้อมชี้ว่าการกระทำของไทยถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียนอย่างร้ายแรง
สมเด็จฯ ฮุน มาเนต ย้ำว่ากองกำลังกัมพูชาจำเป็นต้องทำการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ
ในจดหมายยังได้กล่าวหาว่า ไทยพยายามใช้ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทุ่นระเบิดเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นข้ออ้างในการใช้กำลัง โดยอ้างอิงแผนที่ที่ไทย "จัดทำขึ้นใหม่แต่เพียงฝ่ายเดียว" ซึ่งขัดต่อกรอบกฎหมายที่กัมพูชายึดถือ อันได้แก่ อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904, สนธิสัญญา ค.ศ. 1907 และบันทึกความเข้าใจปี 2000 (MOU-2000)
"เป็นเรื่องที่น่าประณามอย่างยิ่งที่การรุกรานครั้งนี้เกิดขึ้น ในขณะที่กัมพูชากำลังพยายามแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยังค้างคาผ่านช่องทางกฎหมายที่สันติและเป็นธรรม" นายกฯ กัมพูชาระบุทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาเพิ่งตัดสินใจเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่จะยื่นเรื่องพื้นที่พิพาทชายแดน 4 แห่ง ซึ่งรวมถึงพื้นที่ที่ถูกโจมตีในครั้งนี้ ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อวินิจฉัยชี้ขาด แต่ฝ่ายไทยกลับยังคงสร้างความตึงเครียดและเพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจก่อนหน้าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย. ที่ผ่านมา
สมเด็จฯ ฮุน มาเนต ได้ร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ เปิดประชุมฉุกเฉินเพื่อยับยั้งการรุกรานของไทย และขอให้เวียนจดหมายฉบับนี้เป็นเอกสารทางการของ UNSC ต่อไป