ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้กล่าวยืนยันในวันนี้ (5 ส.ค.) ว่า งบประมาณด้านกลาโหมของไต้หวันในปีหน้าจะอยู่ในระดับสูงกว่า 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันตนเอง ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนในปีนี้ ไต้หวันได้จัดสรรงบประมาณด้านกลาโหมไว้ประมาณ 2.45% ของ GDP
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมด้านความมั่นคงระดับภูมิภาค (Ketagalan Forum) ที่กรุงไทเป ปธน.ไล่ ชิงเต๋อ เตือนว่า กิจกรรมทางทหารของจีนที่เพิ่มขึ้นในช่องแคบไต้หวัน รวมถึงในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้นั้น ได้ก่อให้เกิดความท้าทายต่อระเบียบโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"ในขณะที่ลัทธิอำนาจนิยมยังคงขยายตัว บรรดาประเทศฝั่งประชาธิปไตยต้องมีความสามัคคีกันมากขึ้นเพื่อปกป้องคุณค่าของเรา" ปธน.ไล่ ชิงเต๋อ กล่าวในการประชุมดังกล่าว และเสริมว่ารัฐบาลของเขายังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาสถานภาพในปัจจุบัน ตลอดจนสร้างสันติภาพและเสถียรภาพทั่วทั้งช่องแคบไต้หวัน
นอกจากนี้ ปธน.ไล่ ชิงเต๋อ ยังให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้เกิดความยืดหยุ่นและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไต้หวันด้วยการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือในภาคส่วนเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันทวีความรุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่ที่ไล่ ชิงเต๋อ ซึ่งจีนประณามว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดนนั้น ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว โดยจีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ และมีเป้าหมายที่จะรวมไต้หวันกลับคืนสู่จีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยการใช้กำลังหากจำเป็น