ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.) ว่า การพบกันระหว่างผู้นำรัสเซียกับยูเครนไม่ใช่เงื่อนไขสำหรับการที่เขาจะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยการหารือดังกล่าวจะเป็นการพบกันแบบตัวต่อตัวครั้งแรกในวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อผู้สื่อข่าวถามที่ทำเนียบขาวในช่วงบ่ายวันเดียวกันว่า ปธน.ปูตินจำเป็นต้องพบกับปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ก่อนหรือไม่ ผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า "ไม่จำเป็น"
ก่อนหน้านั้น คาโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า ฝ่ายรัสเซียได้แสดงความประสงค์จะพบปะกับปธน.ทรัมป์ และผู้นำสหรัฐฯ "เปิดกว้าง" ต่อการหารือดังกล่าว พร้อมย้ำว่าทรัมป์ต้องการพบทั้งปูตินและเซเลนสกี เพื่อผลักดันให้ "สงครามที่โหดร้ายนี้ยุติลง" โดยทำเนียบขาวกำลังจัดการรายละเอียดและจะแจ้งความคืบหน้าในเวลาที่เหมาะสม
ด้านทำเนียบเครมลินระบุในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีว่า การพบปะระหว่างทรัมป์กับปูติน "ได้รับความเห็นชอบในหลักการแล้ว" และคาดว่าจะเกิดขึ้น "ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากการหารือนานราว 3 ชั่วโมงระหว่างปธน.ปูตินกับสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของทรัมป์ ระหว่างการเยือนกรุงมอสโกของวิตคอฟฟ์เมื่อวันพุธ (6 ส.ค.) ขณะที่ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยว่า ฝ่ายสหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่มผลักดันให้มีการเจรจาทวิภาคีระดับสูง
รายงานข่าวหลายสำนักระบุว่า ในการบรรยายสรุปต่อทรัมป์เกี่ยวกับภารกิจในมอสโกนั้น วิตคอฟฟ์แจ้งว่า ปูตินประสงค์จะพบปะ ซึ่งทรัมป์ตอบรับ แต่ก็ต้องการให้ปูตินพบกับเซเลนสกีเพื่อหารือเรื่องการหยุดยิงด้วย
ทั้งนี้ ในวันศุกร์นี้ (8 ส.ค.) เป็นเส้นตายที่ทรัมป์กำหนดให้รัสเซียยุติความขัดแย้งในยูเครน มิฉะนั้นจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบใหม่ที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ส่งสัญญาณในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีว่าเส้นตายดังกล่าวอาจไม่ตายตัวอย่างที่เคยระบุไว้ โดยทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อถูกถามว่าเส้นตายยังคงเดิมหรือไม่ว่า "น่าผิดหวังอย่างมาก เราจะรอดูว่า เขาจะพูดว่าอะไร มันขึ้นอยู่กับเขา"