โช ฮย็อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งเกาหลีใต้ได้เข้าพบหารือกับมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (10 ก.ย.) พร้อมทั้งเร่งรัดให้มีการส่งตัวแรงงานชาวเกาหลีราว 300 คนกลับสู่มาตุภูมิอย่างเร็วที่สุดโดยปราศจากการถูกจองจำ ภายหลังจากที่ทั้งหมดถูกควบคุมตัวจากเหตุบุกตรวจค้นของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเมื่อสัปดาห์ก่อน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยภายหลังการประชุม ณ กรุงวอชิงตันว่า รูบิโอได้กล่าวกับโช ฮย็อน ว่า เขาได้รับการร้องขอจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำเนินการในส่วนที่จำเป็นเพื่อสนองตามความประสงค์ของฝ่ายรัฐบาลกรุงโซล
แรงงานที่ถูกควบคุมตัวเหล่านี้จะเดินทางกลับด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำซึ่งมีกำหนดออกจากนครแอตแลนตา โดยทั้งหมดถูกจับกุม ณ สถานที่ก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ในรัฐจอร์เจีย ในบรรดาผู้ถูกควบคุมตัวนั้นเป็นแรงงานต่างชาติสัญชาติอื่นด้วย ซึ่งรวมถึงชาวญี่ปุ่น 3 คน ที่มีกำหนดเดินทางกลับในเที่ยวบินเดียวกัน ตามการยืนยันของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น
ระหว่างการหารือกับรูบิโอนั้น โช ฮย็อน ได้แสดง "ความห่วงใยอย่างลึกซึ้ง" ต่อกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพแรงงานซึ่งถูกทางการสหรัฐฯ ปฏิบัติประหนึ่งอาชญากร
โช ฮย็อน ได้เน้นย้ำว่า แรงงานเหล่านี้เดินทางมาสหรัฐฯ เพื่อนำทักษะฝีมือมาช่วยสนับสนุนความพยายามของปธน.ทรัมป์ในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตของอเมริกา นอกจากนี้ โช ฮย็อน ยังได้ร้องขอให้ทางการสหรัฐฯ รับประกันว่าแรงงานกลุ่มนี้จะไม่ได้รับผลกระทบทางลบต่อการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ในอนาคต พร้อมทั้งเสนอให้สองประเทศหารือถึงแนวทางการจัดทำวีซ่าประเภทใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ซ้ำรอย
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ระบุว่า ปฏิบัติการจู่โจมเมื่อวันที่ 4 ก.ย. นำไปสู่การควบคุมตัวแรงงานต่างชาติทั้งสิ้น 475 คน โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ตั้งข้อกล่าวหาว่าบุคคลเหล่านี้ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย ณ สถานที่ก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ของบริษัทฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor) และแอลจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชัน (LG Energy Solution) และขนานนามปฏิบัติการครั้งนี้ว่าเป็นการจู่โจมจับกุม ณ สถานที่แห่งเดียวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของหน่วยงาน
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับการประชุมเมื่อวันพุธ ไม่ได้มีถ้อยความกล่าวถึงเหตุการณ์บุกจับกุมดังกล่าว แต่ได้อ้างคำกล่าวของรูบิโอว่า สหรัฐฯ "ยินดีต้อนรับ" การลงทุนจากเกาหลีใต้ และเสริมว่าทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงการยกระดับ "ความเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ตั้งอยู่บนหลักความยุติธรรมและต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน"