กระทรวงสาธารณสุขเนปาลรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ประท้วงในเนปาลเพิ่มขึ้นเป็น 30 รายแล้วในขณะนี้ และมีผู้บาดเจ็บกว่า 1,00 ราย ขณะที่กองทัพเนปาลส่งกองกำลังเข้าประจำการตามท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุ เพื่อควบคุมความไม่สงบ
กรุงกาฐมาณฑุตกอยู่ภายใต้ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) โดยกองกำลังทหารเข้าควบคุมอาคารรัฐสภาและตรึงกำลังตามท้องถนนที่ไร้ผู้คน ท่ามกลางเหตุประท้วงต่อต้านการทุจริตที่เป็นไปอย่างดุเดือด ซึ่งส่งผลให้นายกรัฐมนตรี เค พี ศรรมะ โอลี ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ชนวนเหตุของสถานการณ์จลาจลในเนปาลสืบเนื่องมาจากคำสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่คำสั่งดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไป หลังเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ปะทะกับฝูงชนเมื่อวันจันทร์ (8 ก.ย.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง
นอกจากนี้ การประท้วงยังแสดงถึงความคับแค้นที่หยั่งรากลึกในหมู่คนหนุ่มสาวชาวเนปาลที่มีต่อการว่างงานและความเหลื่อมล้ำ ขณะที่วลีอย่าง "Nepo Kids)" ถูกกล่าวถึงบนโลกออนไลน์เพื่อเหน็บแนมเทรนด์ที่บรรดาลูกหลานของชนชั้นสูงอวดความมั่งคั่งของตน
ข้อมูลของธนาคารโลกระบุว่า ประชากรกว่า 20% จากทั้งหมด 30 ล้านคนของเนปาลมีความเป็นอยู่ที่ยากจน ขณะที่ข้อมูลอย่างเป็นทางการล่าสุดระบุว่า อัตราการว่างงานในหมู่เยาวชนชาวเนปาลอยู่ที่ระดับสูงถึง 22%
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น สำนักงานการบินพลเรือนเนปาล (CAAN) ประกาศว่า ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน (TIA) ในกรุงกาฐมาณฑุ เริ่มกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินแล้ว หลังจากปิดทำการไปหนึ่งวันท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ
การกลับมาเปิดให้บริการสนามบินกาฐมาณฑุในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นในเมืองหลวง โดยกองทัพเนปาลได้จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปล้นสะดม วางเพลิง และการกระทำรุนแรงอื่น ๆ ในระหว่างการประท้วงที่นำโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ทั่วประเทศ รวมถึงในกรุงกาฐมาณฑุ จำนวน 27 ราย