นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ มีคำสั่งปลด ปีเตอร์ แมนเดลสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.ย.) ภายหลังมีการเปิดเผยอีเมลจำนวนมากที่บ่งชี้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างแมนเดลสันกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน อาชญากรทางเพศชาวอเมริกันผู้ล่วงลับ
แมนเดลสัน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลังในแวดวงการเมืองมานานกว่าสามทศวรรษ ถูกกดดันให้พ้นจากตำแหน่งทางการทูตที่สำคัญที่สุดตำแหน่งหนึ่งของอังกฤษ หลังจากจดหมายและอีเมลบางฉบับที่เขาส่งถึงเอปสตีนถูกเปิดโปงในสัปดาห์นี้
แมนเดลสันซึ่งเคยเป็นบุคคลสำคัญที่นำพาพรรคแรงงานไปสู่ความสำเร็จในยุคของนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์นั้น เผชิญกับการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น หลังจากฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ เผยแพร่เอกสารซึ่งรวมถึงจดหมายที่แมนเดลสันกล่าวถึงเอปสตีนอย่างสนิทสนมว่าเป็น "เพื่อนรักของผม"
ต่อมา สื่อมวลชนได้เผยแพร่อีเมลที่แสดงให้เห็นว่า แมนเดลสันเคยให้คำแนะนำแก่เอปสตีนให้ต่อสู้คดีเพื่อได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดในปี 2551 ขณะที่เอปสตีนกำลังจะถูกพิพากษาจำคุก 18 เดือนในข้อหาชักจูงผู้เยาว์เพื่อการค้าประเวณี
กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษระบุในแถลงการณ์ว่า "อีเมลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าระดับความสัมพันธ์ระหว่างปีเตอร์ แมนเดลสัน กับเจฟฟรีย์ เอปสตีนนั้น แตกต่างจากข้อมูลที่เคยรับทราบก่อนการแต่งตั้งอย่างสิ้นเชิง"
แถลงการณ์ระบุต่อไปว่า รายงานข่าวที่แมนเดลสันให้ความเห็นว่าคำพิพากษาลงโทษเอปสตีนในครั้งแรกนั้นไม่เป็นธรรมและสมควรถูกคัดค้าน ถือเป็น "ข้อมูลใหม่" และเพิ่มเติมว่า นายกฯ สตาร์เมอร์ได้ยื่นเรื่องขอให้ปลดแมนเดลสันออกจากตำแหน่ง
เมื่อวันพุธ (10 ก.ย.) แมนเดลสันได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ได้รู้จักกับเอปสตีน และยอมรับว่าตนได้สานสัมพันธ์ด้วย "ยาวนานเกินกว่าที่ควรจะเป็น" โดยอ้างว่าตนตกเป็นเหยื่อคำลวงของ "อาชญากรเจ้าเสน่ห์จอมหลอกลวง"
นายกฯ สตาร์เมอร์ ซึ่งกำลังเผชิญปัญหารอบด้านจนคะแนนนิยมตกต่ำ เคยออกมาปกป้องเอกอัครราชทูตคนนี้อย่างแข็งขันเมื่อวันพุธ ขณะที่การเดินทางเยือนอังกฤษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งแมนเดลสันมีความสัมพันธ์อันดีด้วยนั้น มีกำหนดจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า
ในเบื้องต้น ดูเหมือนว่าถ้อยแถลงของแมนเดลสันจะทำให้นายกฯ สตาร์เมอร์พอใจ โดยเขาได้กล่าวยกย่องแมนเดลสันถึงความพยายามในการผลักดันข้อตกลงการค้ากับสหรัฐอเมริกาจนบรรลุผล
โฆษกประจำตัวนายกฯ สตาร์เมอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากได้พิจารณาข้อมูลใหม่แล้ว นายกฯ สตาร์เมอร์ได้ "ดำเนินการอย่างฉับพลันและเด็ดขาด" เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี และระบุว่า ผู้นำอังกฤษเห็นว่าเนื้อหาในอีเมลดังกล่าว "น่ารังเกียจ"