อดีตผอ. CDC แฉ ถูก "เคนเนดี" กดดันเปลี่ยนตารางวัคซีนเด็ก-โดนทรัมป์ปลดฟ้าผ่าหลังขัดขืน

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 18, 2025 13:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ซูซาน โมนาเรซ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) เปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาเมื่อวันพุธ (17 ก.ย.) ว่า โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS) ได้แจ้งกับเธอไม่กี่วันก่อนที่เธอจะถูกปลด ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตารางการฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก โดยกดดันให้เธออนุมัติล่วงหน้าโดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ

โมนาเรซ ซึ่งถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปลดเมื่อวันที่ 28 ส.ค. หลังดำรงตำแหน่งได้เพียง 29 วัน ให้การว่า เคนเนดีได้แจ้งกับเธอเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ว่า "ตารางการฉีดวัคซีนเด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนในเดือนก.ย." พร้อมสั่งให้เธอรับปากว่าจะอนุมัติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก่อนที่จะมีการทบทวนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยอ้างว่า "ไม่มีวิทยาศาสตร์หรือหลักฐานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตารางการฉีดวัคซีนเด็กในปัจจุบัน"

อนึ่ง ตามข้อมูลจาก CDC ตารางการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กถือเป็นเครื่องมือสำคัญด้านสาธารณสุข ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเด็กจาก 14 โรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนอายุครบ 2 ขวบ โดยลำดับและช่วงเวลาของการฉีดวัคซีนแต่ละชนิดถูกกำหนดขึ้นอย่างแม่นยำโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลายร้อยคน เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กจะตอบสนองได้ดีที่สุด และเป็นช่วงที่เด็กมีความเปราะบางที่สุดต่อโรคนั้น ๆ การเลื่อนหรือเว้นระยะการฉีดวัคซีนออกไปโดยไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับ จะทำให้เด็กตกอยู่ในความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และยังบั่นทอนภูมิคุ้มกันหมู่ซึ่งช่วยปกป้องทารกแรกเกิดและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องในสังคม

นอกจากนี้ เคนเนดียังสั่งให้เธอรับปากว่าจะอนุมัติข้อเสนอแนะทุกข้อจากคณะกรรมการที่ปรึกษาโดยไม่มีเงื่อนไข สั่งให้ปลดเจ้าหน้าที่ CDC ที่รับผิดชอบนโยบายด้านวัคซีน และห้ามไม่ให้เธอพูดคุยกับวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ

โมนาเรซกล่าวว่า เธอพร้อมพิจารณาปรับเปลี่ยนตารางวัคซีนหากมีข้อมูลสนับสนุน แต่ปฏิเสธที่จะอนุมัติล่วงหน้าโดยไม่มีการตรวจสอบ ซึ่งเคนเนดีได้ยื่นคำขาดว่าหากเธอไม่ยอมทำตามก็ต้องลาออกไป

อย่างไรก็ดี เคนเนดีได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมาธิการการคลังวุฒิสภาเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ว่า ไม่เคยสั่งให้โมนาเรซอนุมัติการตัดสินใจใด ๆ ล่วงหน้า

ด้านกระทรวงสาธารณสุขฯ แถลงว่า การเปลี่ยนแปลงตารางวัคซีนใด ๆ จะต้องอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และกล่าวหาโมนาเรซว่าบิดเบือนการสนทนาที่เกิดขึ้น

"ภารกิจของซูซาน โมนาเรซ คือการฟื้นฟู CDC ให้กลับสู่ภารกิจหลัก หลังจากที่ถูกกัดกร่อนด้วยระบบราชการที่เฉื่อยชา วิทยาศาสตร์ที่ถูกการเมืองแทรกแซง และการขยายภารกิจเกินขอบเขตจนทำลายความน่าเชื่อถือของประชาชน แต่เธอปฏิเสธที่จะทำ ท่านประธานาธิบดีจึงปลดเธอออก" โฆษก HHS กล่าว

การสั่งปลดโมนาเรซได้จุดชนวนให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เคนเนดีอย่างหนัก และส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CDC อีก 4 คนตัดสินใจลาออกเพื่อประท้วงนโยบายต่อต้านวัคซีนและข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับสมาชิกรีพับลิกันบางส่วนเช่นกัน โดย สว. บิล แคสซิดี ประธานคณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านสาธารณสุข การศึกษา และแรงงาน ซึ่งเป็นผู้เชิญโมนาเรซเข้าให้การกล่าวว่า คณะกรรมาธิการมีหน้าที่ตรวจสอบว่าเหตุใดบุคคลที่เคนเนดีเคยยกย่องว่ามี "คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ไร้ที่ติ" จึงถูกปลดหลังทำงานได้ไม่ถึงเดือน

ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของ CDC มีกำหนดประชุมกันในวันพฤหัสบดีนี้ (18 ก.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับวัคซีนสำหรับเด็ก 2 ชนิด โดยคณะกรรมการชุดปัจจุบันประกอบด้วยสมาชิกใหม่ 12 คนที่เคนเนดีเป็นผู้คัดเลือกเข้ามาเองทั้งหมด หลังจากที่เขาได้สั่งปลดกรรมการชุดเดิมทั้ง 17 คนออกไปเมื่อเดือนมิ.ย.

เดบรา ฮาวรี อดีตประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ลาออกให้การว่า ไม่มีการประชุมของคณะทำงานเพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการประชุมดังกล่าวเลย นอกเหนือจากเรื่องวัคซีนโควิด

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวน แคสซิดีกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หากคณะกรรมการชุดใหม่นี้มีมติให้เปลี่ยนแปลงตารางการฉีดวัคซีน ประชาชนก็ไม่ควรจะเชื่อมั่นในการตัดสินใจดังกล่าว พร้อมยกตัวอย่างว่าวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีที่ฉีดให้ทารกแรกเกิด สามารถลดจำนวนเด็กที่ป่วยด้วยโรคนี้จากปีละ 20,000 คน เหลือเพียงประมาณ 20 คนต่อปีเท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ