ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีเกษตรของญี่ปุ่นประกาศในวันนี้ (20 ก.ย.) ว่าจะลงสมัครเลือกตั้งประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในเดือนหน้า โดยให้คำมั่นว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นและฟื้นฟูพรรค หลังจากผลงานย่ำแย่ในการเลือกตั้งระดับชาติครั้งที่ผ่านมา
โคอิซูมิ วัย 44 ปี บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ กล่าวว่า เขาพร้อมจะขยายพันธมิตรการเมืองของฝ่ายรัฐบาลปัจจุบัน พร้อมสัญญาที่จะจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่น
โคอิซูมิเป็นสมาชิกพรรค LDP คนที่ 5 และน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรคในการเลือกตั้งวันที่ 4 ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการคัดเลือกผู้ที่จะมาแทนที่นายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ที่กำลังจะลงจากตำแหน่ง
จากการสำรวจล่าสุดของสื่อระบุว่า โคอิซูมิ และ ซานาเอะ ทากาอิจิ อดีตรัฐมนตรีกิจการภายในประเทศ เป็นตัวเก็งชนะการเลือกตั้ง แซงหน้า โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, โทชิมิตสึ โมเตกิ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และทาคายูกิ โคบายาชิ อดีตรัฐมนตรีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
โคอิซูมิกล่าวในการแถลงข่าวว่า พรรค LDP กำลังเผชิญวิกฤติ โดยเขาจะผลักดันนโยบายเศรษฐกิจเป็นลำดับความสำคัญสูงสุด และทำให้ค่าจ้างเติบโตเร็วกว่าค่าครองชีพ โดยตั้งเป้าให้ค่าจ้างเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านเยน (ราว 6,800 ดอลลาร์) ภายในปีงบประมาณ 2573
เขายังกล่าวว่า จะเร่งแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง แรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย การซื้อที่ดินโดยชาวต่างชาติที่ไม่ได้พำนักในญี่ปุ่น และชาวต่างชาติที่ใช้ระบบประกันสุขภาพไม่ถูกต้อง ซึ่งประเด็นเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นอย่างมากในการเลือกตั้งสภาสูงเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา และช่วยให้พรรคฝ่ายค้านขนาดเล็กอย่าง ซันเซโตะ ที่ใช้สโลแกน "ญี่ปุ่นต้องมาก่อน" ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น
การเลือกตั้งหัวหน้า LDP เกิดขึ้น หลังอิชิบะประกาศเมื่อต้นเดือนว่า เขาจะลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการเลือกตั้งระดับชาติ โดยการรณรงค์หาเสียงจะเริ่มในวันจันทร์นี้
รายงานระบุว่า โคอิซูมิเป็นผู้โน้มน้าวให้อิชิบะยอมลาออก ทั้งนี้ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเกษตร ป่าไม้ และประมงในเดือนพ.ค. เขาได้รับความสนใจจากสาธารณะจากการพยายามแก้ปัญหาราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การขึ้นเป็นผู้นำพรรค LDP คนใหม่ไม่ได้เป็นการรับประกันว่า จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีทันที เพราะพรรคร่วมรัฐบาล LDP-โคเมโตะ ไม่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ผู้ชนะจึงต้องผ่านการโหวตในสภา โดยจะมีผู้สมัครฝ่ายค้านลงแข่งเช่นกัน
รัฐบาลเสียงข้างน้อยจำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากฝ่ายค้านในการผ่านงบประมาณและกฎหมาย ทำให้พรรค LDP ซึ่งครองอำนาจแทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2498 ต้องพิจารณาหาทางดึงการสนับสนุนจากฝ่ายค้านเพื่อรักษาอำนาจ