เต็งกู ซาฟรูล อาซิซ รัฐมนตรีกระทรวงการค้ามาเลเซียเปิดเผยในวันนี้ (22 ก.ย.) ว่า กลุ่มความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อาจพิจารณาเพิ่มสมาชิกใหม่ และหารือแนวทางพัฒนาการค้าครั้งแรกในรอบ 5 ปี ระหว่างการประชุมผู้นำที่จะจัดขึ้นในเดือนต.ค.นี้
ซาฟรูลระบุว่า การประชุมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอแนะแนวทางปรับปรุงความตกลงการค้า RCEP และพิจารณาคำร้องจากประเทศที่สนใจเข้าร่วมกลุ่ม พร้อมย้ำว่าการประชุมจะมุ่งเป้าไปที่ปัญหาต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิก RCEP
นอกจากนี้ ซาฟรูลยังยืนยันว่า การประชุมจะไม่ถูกจีนครอบงำ เพราะสมาชิกอาเซียนและสมาชิก RCEP รายอื่น ๆ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ต่างแสดงจุดยืนสนับสนุนกรอบพหุภาคี ขณะที่จีนเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคสนับสนุนกรอบพหุภาคี เช่น RCEP เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า RCEP อาจช่วยป้องกันผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากประเทศในเอเชียระหว่าง 1040% ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจสำคัญในอาเซียนส่วนใหญ่ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 19%
รายงานระบุว่า RCEP ซึ่งประด้วยประเทศสมาชิกทั้ง 10 ชาติของอาเซียน รวมถึงจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ยังไม่เคยจัดการประชุมผู้นำอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บรรดาผู้นำกลุ่มได้ลงนามข้อตกลงการค้าที่มุ่งลดภาษี กระตุ้นการลงทุน และอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในภูมิภาค
ทั้งนี้ มาเลเซียประกาศความตั้งใจที่จะจัดการประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในเดือนต.ค.นี้ พร้อมกับการประชุมประจำปีของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย