ซานาเอะ ทาคาอิจิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของญี่ปุ่น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 ต.ค.) โดยหลังจากใช้ความพยายามถึง 3 ครั้ง ในที่สุดเธอก็ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค LDP แทนชิเงรุ อิชิบะ และเป็นการปูทางสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
ชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP ของทาคาอิจิเป็นปัจจัยหนุนดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และฉุดเงินเยนอ่อนค่าลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงผู้นี้มีจุดยืนสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินและใช้มาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งจุดยืนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
เปิดประวัติว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแห่งแดนอาทิตย์อุทัย
เว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า ซานาเอะ ทาคาอิจิ เกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2504 ที่จังหวัดนารา ปัจจุบันอายุ 64 ปี สำเร็จการศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยโกเบ ในปี 2527
ทาคาอิจิเคยเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์และอาจารย์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะผันตัวเข้าสู่เส้นทางการเมืองเต็มตัว โดยชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเมื่อปี 2536
สำหรับเส้นทางอาชีพการเมือง เธอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วหลายสมัย และเคยรับตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวงในยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และอดีตนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ
ในรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีคิชิดะนั้น ทาคาอิจิดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รัฐมนตรีฝ่ายยุทธศาสตร์ส่งเสริมวัฒนธรรมสมัยนิยมของญี่ปุ่น รัฐมนตรีฝ่ายยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญา รัฐมนตรีฝ่ายนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรัฐมนตรีฝ่ายนโยบายอวกาศ
ส่วนในรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ทาคาอิจิได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสาร รัฐมนตรีฝ่ายกิจการความเท่าเทียมทางเพศ และรัฐมนตรีฝ่ายกิจการสังคมและความปลอดภัยด้านอาหาร
ทาคาอิจิเป็นที่รู้จักในฐานะนักอนุรักษนิยมที่เคร่งครัด มีมุมมองด้านความมั่นคงที่แข็งกร้าวเช่นเดียวกับอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะผู้ล่วงลับ การที่เธอเดินทางไปสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิในกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความเชื่อมโยงกับสงครามโลก อยู่บ่อยครั้งนั้น ทำให้เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน และ เกาหลี เนื่องจากประเทศเหล่านี้มองว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการสนับสนุนเหล่าอดีตทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก ขณะที่สื่อจีนเรียกเธอว่า นักชาตินิยม
ทาคาอิจิมีผู้ติดตามจำนวนมากในโลกออนไลน์ และเธอเคยหยิบยกประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงทางอินเทอร์เน็ตมากล่าวปราศรัยในระหว่างการหาเสียง เช่น ข้อกล่าวอ้างที่ว่าชาวต่างชาติเตะกวางตัวหนึ่งในสวนสาธารณะของจังหวัดนารา ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยม
นอกจากนี้ ทาคาอิจิยกย่องมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษผู้ล่วงลับให้เป็นไอดอลของเธอ และเธอยังแฟนเพลงเฮฟวีเมทัล และเป็นแฟนทีมเบสบอล Hanshin Tigers ด้วย
ตลาดหุ้นพุ่งแรง เยนอ่อน รับความหวังแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดัชนีนิกเกอิทะยานขึ้น 1,914.38 จุด หรือ 4.18% แตะระดับ 47,683.88 จุดหลังตลาดเปิดทำการวันนี้ได้เพียง 15 นาที และเงินเยนดิ่งลงแตะกรอบ 147.39-147.49 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากทาคาอิจิได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP และเตรียมขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
นักวิเคราะห์จากหลายสำนัก ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ คาดการณ์ว่า ชัยชนะของทาคาอิจิจะเป็นปัจจัยหนุนดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว เนื่องจากทาคาอิจิมีจุดยืนสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น นอกจากนี้ การที่เธอสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง อาจลดโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงของ BOJ จะส่งผลให้สกุลเงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกในตลาดหุ้นญี่ปุ่น แต่แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะสร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่วนหุ้นที่ต้องพึ่งพาอุปสงค์ภายในประเทศและหุ้นบริษัทขนาดเล็กคาดว่าจะได้รับแรงหนุนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากนักลงทุนจะให้การตอบรับทุกสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย "อาเบะโนมิกซ์" (Abenomics) ที่ริเริ่มโดยอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ
อาเบะโนมิกซ์ คือนโยบายที่มีเป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ซบเซามายาวนานและต่อสู้กับภาวะเงินฝืด โดยนโยบายประกอบด้วย "ลูกศร 3 ดอก" (Three Arrows) ซึ่งได้แก่การดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุก การใช้จ่ายด้านการคลังมูลค่ามหาศาลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน
ชัยชนะของทาคาอิจิซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ได้กระตุ้นให้เกิดมุมมองที่ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของเธอจะนำพาญี่ปุ่นกลับไปสู่ยุคอาเบะโนมิกซ์อีกครั้ง โดยที่ผ่านมานั้น เธอผลักดันให้มีการแจกเงินสดและส่วนลดภาษีให้กับประชาชน เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบปัญหา
กูรูมั่นใจชาวญี่ปุ่นพร้อมรับนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์
ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา การประกาศลาออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ได้ทำให้การแข่งขันชิงเก้าอี้ผู้นำคนใหม่ของญี่ปุ่นเปิดกว้างขึ้น โดยหลายคนคาดไม่ถึงว่า ซานาเอะ ทาคาอิจิ จะลงสู้ศึกครั้งนี้อีก เนื่องจากเธอเคยลงแข่งขันกับอิชิบะในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP เมื่อปีที่แล้ว และมีคะแนนนำในรอบแรก ก่อนที่จะพ่ายแพ้แก่อิชิบะในรอบตัดสิน หลังจากนั้น เธอก็ได้ปลีกตัวออกห่างจากรัฐบาลของอิชิบะ โดยไม่รับตำแหน่งใด ๆ ในคณะรัฐมนตรี และปฏิเสธข้อเสนอให้เป็นประธานสภาทั่วไปของพรรค LDP
ก่อนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP จะเปิดฉากขึ้น หนังสือพิมพ์นิกเกอิได้เปิดเผยผลสำรวจซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทาคาอิจิมีคะแนนนิยม 23% แซงหน้าคู่แข่งคนสำคัญอย่าง ชินจิโระ โคอิซูมิ รัฐมนตรีเกษตร และบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ ซึ่งมีคะแนน 22%
ไม่เพียงแค่ผลสำรวจเท่านั้น แม้แต่โทโมฮิโกะ ทานิงูจิ อดีตที่ปรึกษาพิเศษของคณะรัฐมนตรีในสมัยของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้ล่วงลับ ยังแสดงความเห็นว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในญี่ปุ่นมีความพร้อมสำหรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหญิง โดยเขาเปิดเผยในรายการ "Squawk Box Asia" ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ถึงเวลาแล้วที่ญี่ปุ่นจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา โดยเขาอ้างถึงข้อมูลล่าสุดขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งระบุว่า ประมาณ 85% ของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่มีอายุระหว่าง 25-54 ปี ยังคงทำงาน โดยเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับระดับ 78% ในสหรัฐอเมริกา