เซบาสเตียน เลอกอร์นู นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เปิดเผยรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 ต.ค.) หวังเร่งผลักดันการจัดทำงบประมาณปี 2569 และฟื้นฟูเสถียรภาพทางการเมือง
รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยบุคคลทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ โดยเป็นความพยายามครั้งที่สองของนายกรัฐมนตรีเซบาสเตียน เลอกอร์นู ในการรวบรวมทีมงานเพื่อฝ่าฟันปัญหาที่ทำให้การดำเนินงานของรัฐบาลติดขัดหยุดชะงักมาหลายเดือน และผลักดันงบประมาณให้ผ่านรัฐสภาที่แบ่งเป็นฝักฝ่าย
"รัฐบาลได้รับการแต่งตั้งเพื่อจัดทำงบประมาณให้กับฝรั่งเศสก่อนสิ้นปีนี้" เลอกอร์นูโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) เมื่อวันอาทิตย์
ข้อมูลจากสำนักประธานาธิบดีระบุว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ประกอบด้วยรัฐมนตรีทั้งหมด 34 คน ซึ่งตำแหน่งสำคัญ ๆ ได้แก่ โลรองต์ นูเนซ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ฌอง-ปิแอร์ ฟารองดู เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, โมนีก บาร์บูต์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนผ่านทางนิเวศวิทยา, เอดูอาร์ด เชฟฟรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และกาเทอรีน โวแตร็ง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โรลองด์ เลสกูร์ ได้รับการแต่งตั้งกลับเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้ง ขณะที่ฌอง-โนแอล บาร์โรต์ ยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่อไป และเฌราลด์ ดาร์มาแนง ยังคงนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน เลอกอร์นูได้เข้าพบประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่พระราชวังเอลิเซ โดยเลอกอร์นูได้เสนอรายชื่อรัฐบาลชุดที่สองของเขาที่มี "การผสมผสานระหว่างบุคคลจากภาคประชาสังคมที่มีประสบการณ์กับสมาชิกรัฐสภารุ่นใหม่"
ทั้งนี้ ปธน.มาครงแต่งตั้งเลอกอร์นูกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) เพียงไม่กี่วันหลังเขายื่นหนังสือลาออก โดยเลอกอร์นู ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองฝรั่งเศสยุคใหม่ เพียง 27 วัน ให้เหตุผลว่ารัฐบาลก่อนหน้าไม่สามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีเสียงสนับสนุนเพียงพอในรัฐสภา เพื่อผ่านร่างงบประมาณปี 2569 ซึ่งถูกปรับลดลงได้ ท่ามกลางสภาวะการเมืองที่เต็มไปด้วยความแตกแยก
การแต่งตั้งเลอกอร์นูกลับมาดำรงตำแหน่งสร้างความไม่พอใจให้กับคู่แข่งทางการเมืองหลายฝ่าย โดยพรรคฝ่ายซ้าย ฝ่ายซ้ายสุดโต่ง และฝ่ายขวาสุดโต่งต่างมองว่าทางออกของวิกฤตการเมืองครั้งนี้ควรเป็นการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ หรือให้ประธานาธิบดีลาออก ขณะที่ทั้งสามพรรคต่างประกาศชัดว่าจะลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลเลอกอร์นู ทำให้เขาต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากพรรคสังคมนิยม ซึ่งผู้นำพรรคยังไม่เปิดเผยท่าทีที่ชัดเจน
สถานการณ์ของเลอกอร์นูจึงอยู่ในภาวะกดดันสูง เนื่องจากภายในวันจันทร์นี้ เขาจะต้องเสนอร่างงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรีและส่งต่อให้รัฐสภาพิจารณาในวันเดียวกัน ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลจำเป็นต้องแต่งตั้งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านการคลัง งบประมาณ และประกันสังคมให้ครบก่อนถึงเส้นตายดังกล่าว
แม้เลอกอร์นูยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของร่างงบประมาณ แต่เขายืนยันว่ารัฐบาลจะต้องลดการขาดดุลงบประมาณในปีหน้าให้อยู่ระหว่าง 4.75% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายเดิมที่ 4.6% โดยในปีนี้การขาดดุลงบประมาณคาดว่าจะอยู่ที่ 5.4%
ขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาท่าทีของเลอกอร์นูต่อข้อเสนอของพรรคสังคมนิยมที่เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการปฏิรูประบบบำนาญของมาครงและจัดเก็บภาษีมหาเศรษฐี ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้อาจเป็นเงื่อนไขสำคัญในการแลกกับการสนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อยของเขา