สื่อทางการจีนเปิดฉากตอบโต้อย่างดุเดือด เผยแพร่แถลงการณ์ 7 ประเด็นซัดกลับข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้ยกเลิกการควบคุมส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ชี้เป็นสหรัฐฯ เองที่เลือกปฏิบัติและมีรายการควบคุมสินค้ามากกว่าหลายเท่าตัว พร้อมเย้ยไม่ควรแปลกใจที่ถูกเอาคืนหลังผิดสัญญาซ้ำซาก ขณะที่ทั้งสองฝ่ายสาดวาทะใส่กันก่อนการประชุมสุดยอดที่กำลังจะมีขึ้น
ความตึงเครียดรอบใหม่ปะทุขึ้นหลังจาก เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ออกมาประณามมาตรการจำกัดการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธของจีนเมื่อวันพุธ (15 ต.ค.) ว่าเป็น "การพยายามฮุบอำนาจในห่วงโซ่อุปทานโลก" พร้อมเสนอว่าจีนสามารถหลีกเลี่ยงการถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาใช้มาตรการกำแพงภาษีระดับเลขสามหลัก (ทะลุ 100%) ได้ หากยอมระงับมาตรการดังกล่าวซึ่งจะมีผลในวันที่ 8 พ.ย. นี้
ล่าสุดในวันนี้ (16 ต.ค.) หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี (People's Daily) กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เผยแพร่อินโฟกราฟิก 7 ประเด็นเพื่อตอบโต้ โดยย้ำว่า "การบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเช่นนี้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากล"
พีเพิลส์เดลีระบุว่า "สหรัฐฯ มักอ้างประเด็นความมั่นคงของชาติเกินจริงและใช้มาตรการควบคุมในทางที่ผิด โดยใช้แนวทางที่เลือกปฏิบัติต่อจีนมาอย่างยาวนาน" พร้อมทั้งชี้ว่า สหรัฐฯ เองมีรายการสินค้าควบคุม (control list) ยาวเหยียดกว่า 3,000 รายการ เทียบกับของจีนที่มีเพียง 900 รายการ
รัฐบาลจีนยืนกรานว่า ได้แจ้งให้สหรัฐฯ ทราบล่วงหน้าแล้ว และมาตรการของจีนก็ไม่ได้แตกต่างจากที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ รวมถึงสหรัฐฯ เองที่ใช้กฎระเบียบคล้ายกันนี้มาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950 เพื่อสกัดกั้นบริษัทต่างชาติไม่ให้ขายชิปที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีอเมริกันให้แก่จีน
ขณะเดียวกัน โกลบอลไทมส์ (Global Times) สื่อแท็บลอยด์ในเครือพีเพิลส์เดลี ได้ตีพิมพ์บทบรรณาธิการในท่วงทำนองที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้น โดยระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ควรแปลกใจกับการตอบโต้แบบ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ของจีน
"บรรยากาศทางการค้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำให้หลายคนประหลาดใจ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย" บทบรรณาธิการระบุ "ชนวนเหตุโดยตรงของความตึงเครียดในรอบนี้คือการผิดสัญญาของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเคยตัว"
อนึ่ง ทั้งสองชาติมหาอำนาจทำสงครามน้ำลายกันมาตลอดนับตั้งแต่การหารือทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อเดือนก.ย. โดยจีนชี้ว่าความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นมีต้นตอมาจากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขยายบัญชีดำทางการค้า (Entity List) อย่างไม่คาดคิดเมื่อปลายเดือนก.ย. เพื่อเล่นงานบริษัทจีนที่ใช้บริษัทลูกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรอุปกรณ์ผลิตชิป
ส่วนฝ่ายสหรัฐฯ กล่าวโทษว่า การที่จีนเริ่มเคลื่อนไหวในประเด็นแร่ธาตุสำคัญคือต้นเหตุของปัญหา