สหรัฐอเมริกาเผชิญกับคลื่นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งเมื่อวันเสาร์ (18 ต.ค.) ภายใต้ชื่อ "No Kings" เพื่อต่อต้านสิ่งที่ผู้ชุมนุมระบุว่าเป็นแนวทางเผด็จการและการใช้อำนาจเกินขอบเขตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยผู้จัดการชุมนุมเผยว่า มีชาวอเมริกันเกือบ 7 ล้านคนเข้าร่วมการประท้วงทั่วประเทศในรอบนี้ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคนจากการชุมนุมครั้งก่อนเมื่อเดือนมิถุนายน ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้การประท้วงด้วยท่าทีที่ดุดันตามแบบฉบับ ด้วยการโพสต์คลิปวิดีโอที่สร้างจาก AI ซึ่งแสดงภาพของเขาในฐานะ "ราชา" ขับเครื่องบินรบปล่อยของเสียโจมตีผู้ชุมนุม
ในคลิปวิดีโอคลิปหนึ่งที่มีความยาว 19 วินาที ซึ่งทรัมป์ได้เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อคืนวันเสาร์ ทรัมป์สวมมงกุฎและขับเครื่องบินรบที่มีชื่อว่า "KING TRUMP" บินปล่อยของเหลวสีน้ำตาลคล้ายอุจจาระลงใส่กลุ่มผู้ประท้วงบนถนนด้านล่างอย่างจงใจ โดยคลิปดังกล่าวใช้เพลงประกอบคือ "Danger Zone" เพลงฮิตของเคนนี ล็อกกินส์ จากภาพยนตร์เรื่อง "Top Gun"
ส่วนวิดีโออื่น ๆ ที่ทรัมป์แชร์ใน Truth Social เมื่อวันเสาร์ยังรวมถึงคลิปที่ เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดี โพสต์ไว้บน BlueSky ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน โดยเป็นคลิปที่ทรัมป์กำลังสวมมงกุฎให้ตัวเองแล้วชักดาบ วิดีโอนั้นใช้เพลง "Hail to the King" ของวงเฮฟวีเมทัล Avenged Sevenfold เป็นเพลงประกอบ
ขณะเดียวกัน บัญชีอย่างเป็นทางการของทำเนียบขาวบน X ได้โพสต์ภาพของทรัมป์และแวนซ์ที่สวมมงกุฎอยู่เหนือภาพของ ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร และ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาที่สวมหมวกซอมเบรโร หรือหมวกเม็กซิกันปีกกว้าง พร้อมทั้งเขียนคำบรรยายว่า "เราถูกสร้างมาแตกต่าง ขอให้ทุกคนมีค่ำคืนที่ดี"
ด้านผู้จัดการชุมนุมเปิดเผยว่า มีผู้ประท้วงเกือบ 7 ล้านคนเข้าร่วมการชุมนุม "No Kings" ในวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นการรวมตัวประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในวันเดียวในประวัติศาสตร์อเมริกา โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านคนจากการประท้วง "No Kings" ทั่วประเทศรอบแรกเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน และเกิดขึ้นในขณะที่การปิดทำการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ได้เข้าสู่วันที่ 18 โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง
อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศรายงานว่ายังไม่สามารถยืนยันตัวเลขผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ผู้จัดงานกล่าวอ้างได้ โดยในนครนิวยอร์ก เจ้าหน้าที่ระบุว่ามีผู้รวมตัวกันมากกว่า 100,000 คน ในจุดประท้วงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ขณะที่ในวอชิงตัน ดี.ซี. ตัวเลขผู้ประท้วงถูกประเมินอยู่ที่ราว 8,000-10,000 คน
การประท้วงจัดขึ้นในกว่า 2,700 เมืองและชุมชน ครอบคลุมทั้ง 50 รัฐ ท่ามกลางการปิดทำการของรัฐบาลกลางที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 18 ขณะที่กลุ่ม No Kings Coalition ซึ่งเป็นแกนนำผู้จัดงาน ยืนยันว่าการรวมตัวอย่างสันติครั้งนี้คือการแสดงเจตนารมณ์ว่า "อเมริกาเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของกษัตริย์"
รายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า การประท้วงเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยเป็นส่วนใหญ่ เมืองใหญ่หลายแห่ง เช่น นครนิวยอร์ก ไม่มีรายงานการจับกุมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วง
ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมกับผู้ชุมนุมในแมนฮัตตัน ขณะที่มีคนดังหลายคน เช่น มาร์ก รัฟฟาโล, จิมมี คิมเมล, โรเบิร์ต เดอ นีโร และเกลนน์ โคลส ร่วมแสดงการสนับสนุนการประท้วงต่อต้านการกระทำของรัฐบาลทรัมป์
ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ก็ออกมาตอบโต้ดุเดือดเช่นกัน โดยไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรครีพับลิกันคนอื่น ๆ ประณามการชุมนุมครั้งนี้ว่าเป็น "การประท้วงที่เกลียดชังอเมริกา" และกล่าวหาว่าเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มมาร์กซิสต์ สังคมนิยม แอนติฟา และปีกซ้ายจัดของพรรคเดโมแครต
"คุณกำลังจะรวมพวกมาร์กซิสต์ พวกสังคมนิยม ผู้สนับสนุนแอนติฟา (Antifa) พวกอนาธิปไตย และปีกที่สนับสนุนฮามาสของพรรคเดโมแครตฝ่ายซ้ายจัดเข้าไว้ด้วยกัน" จอห์นสันกล่าวกับผู้สื่อข่าว
ในนครนิวยอร์ก ผู้ประท้วงกว่า 100,000 คนหลั่งไหลสู่ไทม์สแควร์ พร้อมชูป้ายเรียกร้องให้ "ปกป้องรัฐธรรมนูญ" และตะโกนว่า "พวกเราประชาชนรวมกัน จะไม่มีวันถูกแบ่งแยก" รายงานระบุว่า การประท้วงยังได้ขยายออกไปหลายช่วงตึก และมีการเคลื่อนตัวไปยังย่านโลเวอร์แมนฮัตตัน
ขณะที่วอชิงตัน ดี.ซี. มีทั้งพนักงานรัฐบาลที่ถูกพักงานและอดีตพนักงานได้ออกมาชุมนุมที่ถนนเพนซิลเวเนียในวันที่ 18 ของการปิดทำการรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ลดความขัดแย้งทางการเมือง โดยพนักงานรัฐบาลกลางที่ถูกพักงานรายหนึ่งกล่าวว่า เธอนอนไม่หลับเพราะกังวลเรื่องงานและรายจ่ายต่าง ๆ
ส่วนในชิคาโก ผู้คนหลายพันรวมตัวในพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของการปราบปรามผู้อพยพของทรัมป์ พร้อมชูป้ายทำมือและโปสเตอร์ที่มีข้อความว่า "ห้ามแตะต้องชิคาโก" พร้อมทั้งโบกธงชาติอเมริกันแบบกลับหัว รวมถึงธงชาติเม็กซิโกและธงไพรด์ ผู้ประท้วงให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า การบุกตรวจค้นผู้อพยพ การตัดลดงบประมาณ Medicaid และนโยบายอื่น ๆ เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งของการออกมาประท้วงในวันเสาร์
ในลอสแอนเจลิส ผู้ชุมนุมออกมาตามท้องถนนในชุดเป่าลมและโบกธงชาติอเมริกัน ส่วนในซานฟรานซิสโก รายงานระบุว่าผู้ประท้วงในรอบนี้มีจำนวนมากกว่าการประท้วงในเดือนมิถุนายน เพื่อต่อต้านมาตรการปราบปรามผู้อพยพของรัฐบาล และการส่งหน่วยพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) ไปประจำการในหลายเมืองของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้
ที่ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน กลุ่มเคลื่อนไหวต่าง ๆ เช่น Seattle Indivisible และสหภาพแรงงานอย่าง SEIU 775 ได้เรียกร้องให้ถอนกำลังของรัฐบาลกลางออกจากเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐฯ และเรียกร้องให้มีการต่ออายุเงินอุดหนุนด้านการรักษาพยาบาลที่มีกำหนดจะหมดอายุในปีนี้
ขณะที่ในแอตแลนตา เมืองหลวงของรัฐจอร์เจีย ผู้ประท้วงรวมตัวเพื่อยกย่องมรดกด้านสิทธิพลเมือง พร้อมเรียกร้องอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องประชาธิปไตยและปฏิเสธความเกลียดชัง
โทนี่ ชาร์ลี ซึ่งบรรพบุรุษของเขาอพยพมาจากยุโรป กล่าวว่า การอพยพมาสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งที่ทำสืบต่อกันมา และผู้อพยพมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ "พวกเขา (สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ หรือ ICE) ไม่ได้ตามจับอาชญากรตัวร้าย แต่พวกเขากำลังตามจับผู้คนที่ทำงานหนักและทำประโยชน์ให้กับประเทศนี้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นผู้บริสุทธิ์"