เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ใช้อำนาจประธานาธิบดีสั่งอภัยโทษอย่างสมบูรณ์ให้แก่ ฉางเผิง จ้าว หรือ "CZ" มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งไบแนนซ์ (Binance) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยทำเนียบขาวอ้างว่า การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายผลักดันให้อเมริกากลายเป็น "เมืองหลวงแห่งคริปโทฯ" ทว่าการอภัยโทษครั้งนี้กลับจุดชนวนการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่เหมาะสมและส่อเค้าถึงผลประโยชน์ทับซ้อน
จ้าว ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของวงการคริปโทฯ ได้ยอมรับสารภาพผิดเมื่อปี 2566 ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินของสหรัฐฯ โดยต้องชำระค่าปรับส่วนตัว 50 ล้านดอลลาร์ และถูกจำคุกเกือบ 4 เดือนเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่บริษัทไบแนนซ์เองก็ยอมรับผิดและจ่ายค่าปรับมหาศาลเป็นประวัติการณ์ถึง 4.3 พันล้านดอลลาร์ จากการละเลยไม่รายงานธุรกรรมต้องสงสัยกว่า 100,000 รายการ ที่เชื่อมโยงกับองค์กรก่อการร้ายอย่างกลุ่มฮามาสและอัลกออิดะฮ์ รวมถึงเว็บไซต์จำหน่ายสื่อลามกอนาจารเด็ก
ประเด็นร้อนที่ทำให้การอภัยโทษครั้งนี้ถูกจับตาเป็นพิเศษคือ ธุรกรรมทางการเงินล่าสุดระหว่างไบแนนซ์กับบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับครอบครัวทรัมป์ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไบแนนซ์ได้เข้าสนับสนุนโครงการคริปโทฯ ใหม่ชื่อ "เวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล" (World Liberty Financial) ที่มีครอบครัวของทรัมป์เป็นผู้เกี่ยวข้อง ด้วยการยอมรับสเตเบิลคอยน์ "USD1" ของโครงการดังกล่าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่สกุลเงินใหม่นี้
เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต ได้ออกมาแฉลำดับเหตุการณ์ที่น่าสงสัยนี้ว่า "เริ่มจากที่ ฉางเผิง จ้าว ยอมรับสารภาพในคดีอาญาฐานฟอกเงิน จากนั้นเขาก็ไปอัดฉีดเงินสนับสนุนธุรกิจคริปโทฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับล็อบบี้เพื่อขออภัยโทษ และมาวันนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำในส่วนของเขา คือการอภัยโทษให้"
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวได้ออกมาปกป้องการตัดสินใจดังกล่าว โดย แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า รัฐบาลชุดก่อนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ดำเนินคดีกับจ้าวโดยเป็นส่วนหนึ่งของ "สงครามต่อต้านคริปโทเคอร์เรนซี" พร้อมยืนยันว่าการอภัยโทษทุกครั้งผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
ด้านจ้าวได้เคลื่อนไหวผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์โดยระบุว่า เขารู้สึก "ซาบซึ้งใจ" ต่อการอภัยโทษ พร้อมประกาศว่า "จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้อเมริกากลายเป็นเมืองหลวงแห่งคริปโทฯ" ซึ่งเป็นการขานรับเป้าหมายของรัฐบาลทรัมป์
การอภัยโทษจ้าวถือเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ครั้งที่ทรัมป์ได้แสดงท่าทีประนีประนอมต่อบุคคลสำคัญในวงการคริปโทฯ นับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้เขาได้อภัยโทษให้กับผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มบิตเม็กซ์ (BitMEX) ทั้งสามคน และรอสส์ อัลบริชต์ ผู้ก่อตั้งตลาดมืดออนไลน์ซิลค์โรด (Silk Road) ซึ่งรูปแบบดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนทางการเงินอย่างมหาศาลจากภาคธุรกิจคริปโทฯ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2567 ที่ทรัมป์เคยให้คำมั่นว่าจะยุติสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น "การปราบปรามอุตสาหกรรมคริปโทฯ ด้วยกฎระเบียบ"