เท็ตสึยะ ยามากามิ จำเลยในคดีลอบสังหารชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เมื่อปี 2565 ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในวันนี้ (28 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของการพิจารณาคดี
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยามากามิ วัย 45 ปี ตกเป็นจำเลยในข้อหาฆาตกรรมอาเบะ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคหลังสงคราม ด้วยอาวุธปืนที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ขณะที่อดีตผู้นำกำลังกล่าวปราศรัยเพื่อช่วยลูกพรรคหาเสียงเลือกตั้งในภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ทั้งนี้ ศาลแขวงเมืองนาราจะดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานอีกหลายครั้ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษาชี้ขาดในเดือนม.ค. ปีหน้า
ยามากามิให้การกับพนักงานสอบสวนว่า เขาก่อเหตุเนื่องจากความแค้นที่มีต่อโบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church หรือ "ลัทธิมูน") เหตุเพราะมารดาของตนได้ทุ่มเงินบริจาคให้แก่กลุ่มดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าราว 100 ล้านเยน (ประมาณ 21.4 ล้านบาท) เป็นเหตุให้ฐานะทางการเงินของครอบครัวถึงขั้นล่มจม
แหล่งข่าวฝ่ายสืบสวนเปิดเผยว่า เหตุที่อาเบะตกเป็นเป้าลอบสังหารนั้น สืบเนื่องมาจากโนบุสุเกะ คิชิ ผู้เป็นตาของอาเบะและอดีตนายกฯ ญี่ปุ่นเช่นกันนั้น มีส่วนสำคัญในการชักนำและให้การสนับสนุนกลุ่มลัทธิดังกล่าว ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2497 โดยนักต่อต้านคอมมิวนิสต์ตัวยงชาวเกาหลีใต้ ให้เข้ามาตั้งรกรากและเผยแผ่คำสอนในประเทศญี่ปุ่นได้
อนึ่ง คดีนี้ถือเป็นที่จับตาของสาธารณชน โดยในเช้าวันนี้ ปรากฏว่ามีประชาชนถึง 727 คนมาต่อแถวเพื่อลุ้นจับสลาก ด้วยหวังว่าจะได้เป็นหนึ่งในผู้โชคดีเพียง 32 คน ที่จะได้รับบัตรเข้าฟังการพิจารณาคดี
เหตุการณ์ลอบสังหารอาเบะครั้งนั้นทำให้สาธารณชนหันมาจับจ้องสายสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มลัทธิมูนกับบรรดาสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และเป็นพรรคที่อาเบะเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค