นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัดในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐ ส่วนการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้งสองจะต้องนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
'มีความคืบหน้าในความสัมพันธ์อย่างเห็นได้ชัด และเราต้องการหลักประกันเช่นกันว่า การประชุมระหว่างประธานาธิบดีทั้งสองจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งเราพร้อมสำหรับผลลัพธ์นั้นแล้ว' นายลาฟรอฟกล่าว
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีกำหนดจัดขึ้นที่กรุงบูดาเปสต์ในเดือนนี้ได้ถูกยกเลิกไป หลังจากที่ผู้นำทั้งสองพบกันครั้งล่าสุดในเดือนสิงหาคมที่รัฐอะแลสกา
นายลาฟรอฟแสดงความหวังว่า สหรัฐจะปรับท่าทีของตนให้มุ่งสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในยูเครนอย่างสันติ
เขากล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการสันติภาพที่ยั่งยืน และไม่สนับสนุนการเทอาวุธและเงินเข้าสู่ยูเครน ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อการหาทางออกของความขัดแย้ง
'ผมหวังว่าท้ายที่สุดแล้ว สหรัฐจะใช้เหตุผลในเชิงสันติ และแนวทางแห่งการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนจะเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับ' เขากล่าว
ในประเด็นการควบคุมอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ นายลาฟรอฟกล่าวว่า การเจรจาทวิภาคีได้หยุดชะงักลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการขยายอายุของสนธิสัญญา START III ซึ่งถูกยกเลิกการเจรจามานานแล้ว
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า รัสเซียคาดหวังการตอบสนองในเชิงบวกอย่างเป็นทางการจากสหรัฐต่อข้อเสนอของรัสเซียในการขยายสนธิสัญญาดังกล่าว
สำหรับแนวโน้มของการจัดทำสนธิสัญญาฉบับใหม่เพื่อทดแทน START III นายลาฟรอฟกล่าวว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีบรรยากาศใหม่โดยสิ้นเชิงในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐ
ในประเด็นการฟื้นการเดินทางทางอากาศระหว่างรัสเซียและสหรัฐ นายลาฟรอฟกล่าวว่า รัสเซียมองว่าสหรัฐไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ
'จากการสนทนากับคู่เจรจาชาวอเมริกันของเรา เรารู้สึกว่าประเด็นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ' เขากล่าว