สื่อกัมพูชารายงานในวันนี้ (5 พ.ย.) ว่า สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวชี้แจงเมื่อคืนวันอังคาร (4 พ.ย.) ว่า มีความจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนชาวกัมพูชา เกี่ยวกับประเด็นการกลับมาเปิดด่านชายแดนระหว่างกัมพูชา-ไทย โดยยืนยันว่านับตั้งแต่ไทยประกาศปิดพรมแดน กัมพูชาก็ไม่เคยเรียกร้องให้ไทยกลับมาเปิดด่านอีกเลย
สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ดังนี้
"นับตั้งแต่การลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างกัมพูชากับไทยโดยนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในฐานะทูตสันติภาพ เป็นผู้อำนวยความสะดวก เราได้เห็นความคืบหน้าที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ตลอดจนการถอนอาวุธหนักในเบื้องต้นออกจากพื้นที่พิพาท ภายใต้การกำกับดูแลและตรวจสอบของทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) นี่ถือเป็นก้าวย่างสำคัญสู่การยุติหรือผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นพัฒนาการที่เราทุกคนควรยินดี
อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะชื่นชมความคืบหน้าที่เกิดขึ้น แต่เห็นว่าจำเป็นต้องสื่อสารกับประชาชนชาวกัมพูชา เพื่อป้องกันความเข้าใจที่อาจคลาดเคลื่อนในประเด็นการเปิดด่านชายแดน เนื่องจากในช่วงหลังมานี้ มีผู้นำไทยบางคนหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมากล่าวถึงบ่อยครั้ง ซึ่งอาจมีนัยทางการเมืองเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในประเทศไทย
การที่ฝ่ายผู้นำไทยรวมถึงท่านนายกรัฐมนตรี หยิบยกเรื่องการเปิดด่านมากล่าวถึงซ้ำ ๆ ได้สร้างความสับสนแก่ประชาชนทั้งในกัมพูชาและไทย จนทำให้บางฝ่ายเข้าใจว่ากัมพูชาเป็นผู้ร้องขอให้ไทยเปิดด่าน
ผมไม่ต้องการให้พี่น้องชาวกัมพูชาต้องเข้านอนไปพร้อมกับข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดเช่นนี้ สำหรับฝ่ายไทยแล้ว นี่อาจเป็นประเด็นภายในที่ถูกนำมาใช้เพื่อหวังผลทางการเมือง โดยใช้เรื่องการเปิดด่านเป็นหัวข้อในการรณรงค์หาเสียง
สำหรับประชาชนชาวกัมพูชา ผมขอย้ำอีกครั้งว่า นับตั้งแต่ไทยปิดพรมแดนฝ่ายเดียว กัมพูชาไม่เคยเรียกร้องให้เปิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากไทยประสงค์จะปิดต่อไปอีก 100 ปี หรือ 500 ปี ก็เป็นสิทธิ์ของพวกเขาโดยสมบูรณ์ เพราะอย่างไรเสีย อำนาจการตัดสินใจก็อยู่ในมือของฝ่ายไทย
การปิดพรมแดนครั้งนี้ไม่ได้ทำให้กัมพูชาล่มสลาย ตรงกันข้าม กลับกลายเป็นโอกาสให้เราสามารถผลักดันการผลิตสินค้าภายในประเทศเพื่อทดแทนสินค้าไทย อันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการผลิตในท้องถิ่นให้เติบโต
ผมได้ชี้แจงต่อมิตรประเทศและประชาคมระหว่างประเทศแล้วว่า การกระทำของไทยไม่ใช่เพียงการตัดความสัมพันธ์ทวิภาคี แต่ยังเป็นการทำลายเครือข่ายเชื่อมโยงของอาเซียนและทวีปเอเชีย แล้วทางหลวงอาเซียน ทางรถไฟอาเซียน และทางหลวงสายเอเชียจะมีความหมายอะไร?
ผมหวังว่าสารนี้จะไปถึงผู้นำและประชาชนชาวไทย และทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า กัมพูชาไม่ได้กำลังวิงวอนขอให้เปิดด่าน ในขณะเดียวกัน ผมก็หวังว่าพี่น้องชาวกัมพูชาจะไม่ถูกชี้นำให้หลงเข้าใจผิดว่า รัฐบาลของตนกำลังลดทอนเกียรติภูมิของชาติไปร้องขอความร่วมมือจากไทย"