ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ พบปะกับอาเหม็ด อัล-ชารา ผู้นำเฉพาะกาลของซีเรีย ณ ทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ (10 พ.ย.) อันเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกมองอย่างกว้างขวางว่า เป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับซีเรียให้กลับสู่ภาวะปกติ
เจ้าหน้าที่จากทั้งสองชาติเปิดเผยก่อนการเจรจาเมื่อวันจันทร์ว่า ซีเรียให้ความสำคัญสูงสุดกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อย่างถาวร ขณะที่สหรัฐฯ มุ่งเน้นที่การนำรัฐบาลซีเรียเข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS)
ทรัมป์ได้ยกเลิกการคว่ำบาตรภายใต้กฎหมายซีซาร์ (Caesar Act sanctions) ต่อซีเรียเป็นเวลา 180 วัน ตอนที่เขาพบปะกับอัล-ชาราครั้งแรกที่ซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนพ.ค. แต่การยกเลิกอย่างถาวรนั้นจำเป็นต้องได้รับการดำเนินการผ่านรัฐสภา
เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยของซีเรียกล่าวเมื่อวันเสาร์ (8 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่อัล-ชาราเดินทางถึงกรุงวอชิงตันว่า ซีเรียได้เริ่มปฏิบัติการด้านความมั่นคงขนาดใหญ่ครอบคลุมหลายพื้นที่เพื่อติดตามกลุ่มย่อยของ IS
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า การเยือนของอัล-ชาราเป็น "ส่วนหนึ่งของความพยายามทางการทูตของท่านปธน.ที่จะพบปะกับทุกคนทั่วโลกเพื่อแสวงหาสันติภาพ"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนที่อัล-ชาราจะเดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้ลงมติเมื่อวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) ให้ถอดชื่ออัล-ชาราและอนาส คัตทาบ รัฐมนตรีมหาดไทยเฉพาะกาลของซีเรีย ออกจากรายชื่อมาตรการคว่ำบาตรกลุ่ม IS และอัลกออิดะห์ ซึ่งทำเนียบขาวได้ดำเนินการตามในวันรุ่งขึ้น
ทั้งนี้ อัล-ชาราเคยเข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์และถูกสหรัฐฯ ต้องการตัวในฐานะผู้ก่อการร้าย โดยมีรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เขาได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับองค์กรก่อการร้ายดังกล่าวเมื่อหลายปีก่อน และนำกองกำลังกบฏโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียเมื่อเดือนธ.ค. 2567 ซึ่งนำไปสู่การสิ้นสุดของสงครามกลางเมืองอันโหดร้ายยาวนาน 14 ปีของประเทศ