หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) รายงานว่า เรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร เป็นอันต้องพับแผนการขึ้นอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในร่างงบประมาณเดือนนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงกระแสต่อต้านทางการเมือง
เป็นที่คาดการณ์ว่ารีฟส์ต้องระดมเงินทุนอีกหลายหมื่นล้านปอนด์ เพื่อดำรงวินัยทางการคลังตามเป้าหมายที่วางไว้ และถ้อยแถลงล่าสุดของรีฟส์ที่ว่า "เราทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม" นั้น ถูกตีความไปว่าเป็นการกรุยทางให้รัฐบาลขึ้นอัตราภาษีเงินได้ ซึ่งจะเป็นการตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงเลือกตั้ง
ภายหลังรายงานข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงอ่อนค่าลง สะท้อนความหวั่นวิตกของตลาดต่อทุกสัญญาณที่บ่งชี้ว่า รีฟส์อาจจะล้มเหลวในการใช้มาตรการจำเป็น เพื่อนำพาการคลังของชาติกลับสู่เสถียรภาพ
ส่วนราคาพันธบัตรรัฐบาล UK ร่วงลงอย่างหนักทันทีที่ตลาดเปิดทำการในวันนี้ (14 พ.ย.) ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว ดีดตัวสูงขึ้น
ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้า บรรดานักลงทุนเคยรู้สึกใจชื้นขึ้นจากสัญญาณที่รีฟส์แสดงออกว่าพร้อมจะใช้มาตรการที่เฉียบขาด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการจัดทำงบประมาณสมดุลให้ได้ภายในปีงบประมาณ 2572/2573 (โดยไม่นับรวมรายจ่ายเพื่อการลงทุน) อันเป็นปัจจัยที่เคยช่วยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดระดับลงก่อนหน้านี้
FT ชี้ว่า ทางเลือกหนึ่งในการหารายได้ของรีฟส์ คือการปรับลดเพดานของฐานเงินได้ที่ต้องเสียภาษีในอัตราต่าง ๆ ให้ต่ำลง
รายงานระบุว่า การตัดสินใจเปลี่ยนแผนครั้งนี้เกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ และได้แจ้งไปยังสำนักงานเพื่อความรับผิดชอบด้านงบประมาณ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบนโยบายการคลังของรัฐบาล เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 พ.ย.) โดยแหล่งข่าวระบุว่า รีฟส์จะหันมาพึ่งพาวิธีการที่เรียกว่า "สมอร์กัสบอร์ด" (smorgasbord) อันเป็นการเก็บเล็กผสมน้อยจากการขึ้นภาษีหลายชนิดในวงจำกัดแทน
ทั้งนี้ รีฟส์และนายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ได้เคยประกาศไว้ก่อนการเลือกตั้งเมื่อปีก่อนว่า หากได้เป็นรัฐบาล จะไม่มีการขึ้นภาษีที่กระทบต่อ "คนทำงาน" ซึ่งหมายรวมถึงภาษีเงินได้ เงินสมทบประกันสังคม และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)