ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แถลงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.) ว่า ยูเครนได้เสนอกรอบเจรจา 20 ข้อฉบับปรับปรุงให้สหรัฐอเมริกาเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย แต่ยอมรับว่าเรื่องดินแดนยังเป็นปมปัญหาหลักที่ไม่ลงรอยกัน
ใจความสำคัญของการเจรจาอยู่ที่พื้นที่ดอนบัสฝั่งที่ยูเครนยังคุมอยู่ ซึ่งรัสเซียเรียกร้องให้สละสิทธิ์ โดยเซเลนสกีเปิดเผยว่า สหรัฐฯ เสนอทางออกให้ตั้ง "เขตเศรษฐกิจเสรี" (Free Economic Zone) ในบริเวณนี้
"รัสเซียมองว่าต้องถอนทหารยูเครนออกจากแคว้นดอแนตสก์ แลกกับทหารรัสเซียจะไม่เข้าไป โดยเรียกพื้นที่นี้ว่า 'เขตปลอดทหาร' (Demilitarized Zone) แต่ปัญหายังอยู่ที่ใครจะเป็นผู้ปกครองดินแดนนี้" เซเลนสกีกล่าวทั้งนี้ เซเลนสกีระบุว่ายังตกลงกันเรื่องดินแดนไม่ได้ และย้ำว่าประชาชนชาวยูเครนต้องเป็นผู้ตัดสินผ่านการลงประชามติว่าจะยอมสละดินแดนหรือไม่
ขณะนี้รัฐบาลกรุงเคียฟกำลังเร่งเดินสายเจรจาทางการทูต ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียรุกคืบแนวหน้าเร็วขึ้นและกลับมาโจมตีโรงไฟฟ้าของยูเครนอย่างหนัก สหรัฐฯ จึงกดดันให้รีบตกลงกับรัสเซีย โดยพยายามปรับสมดุลแผนเดิม 28 ข้อที่หลายฝ่ายมองว่าเข้าทางมอสโกมากเกินไป
สำหรับพื้นที่อื่นนอกเหนือจากดอนบัส ที่ประชุมได้หารือให้รัสเซียถอนทหารออกจากบางส่วนของแคว้นคาร์กิวและซูมือทางตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงดนีปรอแปตร็อวสก์ทางตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนแนวรบทางใต้อย่างซาปอริฌเฌียและแคร์ซอนให้ตรึงกำลังไว้ ณ จุดเดิม
สำหรับประเด็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริฌเฌีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในยุโรปและปัจจุบันถูกรัสเซียยึดครองอยู่นั้น ทางสหรัฐฯ ได้เสนอทางออกให้มีการบริหารจัดการร่วมกัน ในขณะที่ฝั่งรัสเซียยังคงยืนกรานที่จะควบคุมโรงไฟฟ้าไว้แต่เพียงผู้เดียว
ส่วนกระแสข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขีดเส้นตายต้องจบภายในคริสต์มาสนั้น เซเลนสกีชี้แจงว่า วอชิงตันไม่ได้กำหนดเวลาเข้มงวดขนาดนั้น
"ผมว่าเขาแค่อยากรู้ให้ชัดเจนมากกว่าว่า เราตกลงกันถึงไหนแล้วก่อนถึงคริสต์มาส" เซเลนสกีกล่าวนอกเหนือจากเรื่องดินแดน แผนสันติภาพยังรวมถึงการฟื้นฟูเมืองที่เสียหายและเอกสารหลักประกันความมั่นคง เพื่อป้องกันรัสเซียโจมตีซ้ำ เนื่องจากยูเครนเคยผิดหวังกับคำรับรองความมั่นคงจากพันธมิตรในอดีตที่ไม่มีผลผูกพันจริง ครั้งนี้จึงยืนกรานว่าข้อตกลงดังกล่าวต้องผ่านการให้สัตยาบันจากรัฐสภาของประเทศพันธมิตรเสียก่อน
เซเลนสกีเปิดเผยว่าได้ถกเรื่องนี้ "เชิงลึก" กับมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ, พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของทำเนียบขาวแล้ว
นอกจากนี้ ยูเครนยังต้องการกองทัพที่เข้มแข็งหลังจบศึก โดยร่างข้อเสนอล่าสุดกำหนดกำลังพลไว้ที่ 800,000 นาย ซึ่งสูงกว่าตัวเลขในกรอบเจรจาเดิมที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้