ทางการฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า มือปืนทั้ง 2 คนที่ก่อเหตุกราดยิงที่หาดบอนได (Bondi Beach) ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย เคยเดินทางเข้าฟิลิปปินส์ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้หนังสือเดินทางของอินเดีย
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฟิลิปปินส์ระบุว่า ซาจิด อักราม วัย 50 ปี และนาวีด อักราม บุตรชาย 24 ปี เดินทางมาถึงฟิลิปปินส์พร้อมกันเมื่อวันที่ 1 พ.ย. จากนครซิดนีย์ และออกจากประเทศเมื่อวันที่ 28 พ.ย.
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ทั้งสองแจ้งปลายทางสุดท้ายเป็นเมืองดาเวา ก่อนเดินทางออกจากฟิลิปปินส์ โดยใช้เที่ยวบินต่อจากเมืองดาเวามายังกรุงมะนิลา เพื่อเดินทางกลับไปยังนครซิดนีย์
รายงานระบุว่า การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวทำให้เห็นรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับเส้นทางการเดินทางของผู้ต้องหาในช่วงก่อนเกิดเหตุโจมตี
สำนักข่าวเอบีซี (ABC) รายงานว่า สองพ่อลูกผู้ก่อเหตุกราดยิงในครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่ม IS โดยนาวีด ผู้เป็นบุตรชาย เคยถูกองค์การข่าวกรองความมั่นคงแห่งออสเตรเลีย (ASIO) ตรวจสอบเมื่อปี 2562 เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มย่อยของ IS ในซิดนีย์ ขณะที่ซาจิด ผู้เป็นบิดา เคยประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่ม IS และพบธงสัญลักษณ์ของกลุ่ม IS ในรถยนต์ของสองพ่อลูกที่หาดบอนไดหลังเกิดเหตุ
ทั้งนี้ เหตุการณ์กราดยิงที่หาดบอนไดในซิดนีย์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว 16 ราย รวมถึงผู้ก่อเหตุวัย 50 ปี ถือเป็นเหตุกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดของออสเตรเลีย นับตั้งแต่มีผู้เสียชีวิต 35 รายจากเหตุกราดยิงที่พอร์ตอาเธอร์ในรัฐแทสเมเนียเมื่อปี 2539 ซึ่งเป็นชนวนให้มีการยกเครื่องกฎหมายอาวุธปืนครั้งใหญ่ของออสเตรเลีย รวมถึงการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับอาวุธปืนอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ
ด้านนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (15 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะพิจารณาออกมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในการครอบครองอาวุธปืน เพื่อตอบสนองต่อเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า หนึ่งในสองมือยิง ซึ่งเป็นชายวัย 50 ปี ที่ถูกตำรวจวิสามัญเมื่อคืนวันอาทิตย์ มีใบอนุญาตอาวุธปืนและเป็นเจ้าของปืน 6 กระบอกอย่างถูกกฎหมาย