แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเดินหน้ามาตรการเข้มงวด เพื่อปราบปรามการเผยแพร่ถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง ความแตกแยก และแนวคิดสุดโต่ง หลังเกิดเหตุกราดยิงอุกอาจที่หาดบอนไดในนครซิดนีย์
อัลบาเนซีแถลงต่อสื่อมวลชนวันนี้ (18 ธ.ค.) ว่า อัยการสูงสุดและรัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในประเทศจะเริ่มดำเนินการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการกำหนดความผิดทางอาญาใหม่ต่อการเผยแพร่ถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง สำหรับผู้นำที่ส่งเสริมหรือยุยงให้ใช้ความรุนแรง พร้อมเพิ่มบทลงโทษต่อการกระทำที่เข้าข่ายปลุกปั่นความเกลียดชังและนำไปสู่ความรุนแรง
ภายใต้มาตรการดังกล่าว รัฐบาลจะกำหนดให้แรงจูงใจจากความเกลียดชังเป็นปัจจัยประกอบในการพิจารณาโทษ สำหรับคดีข่มขู่และคุกคามผ่านช่องทางออนไลน์
นอกจากนี้ รัฐบาลมีแผนจัดตั้งระบบสำหรับขึ้นบัญชีรายชื่อองค์กรที่ผู้นำมีพฤติกรรมเผยแพร่ถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง สนับสนุนความรุนแรง หรือยุยงให้เกิดความเกลียดชังทางเชื้อชาติ
อัลบาเนซีเสริมว่า รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในประเทศจะได้รับอำนาจเพิ่มเติมในการเพิกถอนหรือปฏิเสธวีซ่าของบุคคลที่เผยแพร่ความเกลียดชังและความแตกแยกในออสเตรเลีย หรือมีแนวโน้มจะกระทำการดังกล่าวหากได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเป็นระยะเวลา 12 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบการศึกษาของออสเตรเลียสามารถป้องกัน รับมือ และตอบสนองต่อปัญหาการต่อต้านชาวยิวอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ การประกาศมาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังเกิดเหตุกราดยิงในงานเฉลิมฉลองวันแรกของเทศกาลฮานุกกะห์ของชาวยิว ที่หาดบอนได เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย โดยทางการระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีแรงจูงใจจากแนวคิดของกลุ่ม IS