ผลสำรวจความคิดเห็นโดยสำนักข่าวเกียวโดเมื่อวันอาทิตย์ (21 ธ.ค.) พบว่า คะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทากาอิจิ ลดลงเหลือ 67.5% โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เห็นว่า คำพูดของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวันที่ทำให้ความสัมพันธ์กับจีนตึงเครียดนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถาม 57.0% มองว่าคำพูดของทากาอิจิไม่ใช่เรื่องขาดความระมัดระวัง ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นย่ำแย่ลงตั้งแต่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า การโจมตีไต้หวันอาจถือเป็น "สถานการณ์ที่คุกคามต่อความอยู่รอด" ของญี่ปุ่น
หลายฝ่ายตีความคำพูดดังกล่าวว่า ญี่ปุ่นอาจส่งกองกำลังป้องกันตนเอง (SDF) เข้าสนับสนุนสหรัฐฯ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ผลการสำรวจทางโทรศัพท์เป็นเวลา 2 วันซึ่งเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ (20 ธ.ค.) พบว่าคะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรีลดลง 2.4 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการสำรวจในเดือนก่อน
ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถาม 64.6% เริ่มกังวลเรื่องสถานะทางการคลังของประเทศมากขึ้น หลังจากมีการผ่านงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมมูลค่า 18.3 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับปีงบประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2569 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16 ธ.ค.)
รัฐบาลมีแผนออกพันธบัตรใหม่มูลค่า 11.7 ล้านล้านเยน เพื่อชดเชยงบประมาณส่วนดังกล่าว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของงบประมาณทั้งหมด