ศาลมาเลเซียตัดสินในวันนี้ (26 ธ.ค.) ว่า นาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งอยู่ระหว่างรับโทษจำคุก มีความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในคดีทุจริตกองทุน 1MDB อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษายังคงอ่านรายละเอียดคำวินิจฉัยและยังไม่ได้กำหนดบทลงโทษในทันที
นาจิบ วัย 72 ปี ถูกคุมขังมาตั้งแต่ปี 2565 จากคดีทุจริตในกองทุน 1MDB ซึ่งเป็นกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจที่นาจิบจัดตั้งขึ้นสมัยดำรงตำแหน่งนายกฯ คดีนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่นำไปสู่การสืบสวนทั่วโลก แต่นาจิบยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ยักยอกเงินจากกองทุนดังกล่าว
ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ นาจิบเผชิญข้อหาทุจริต 4 กระทง และฟอกเงินอีก 21 กระทง จากกรณีรับโอนเงินผิดกฎหมายกว่า 2.3 พันล้านริงกิต (ประมาณ 569.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากกองทุนดังกล่าว
ผู้พิพากษาคอลลิน ลอว์เรนซ์ เซเควระฮ์ ระบุในระหว่างการอ่านคำวินิจฉัยว่า "ข้อต่อสู้ของจำเลยที่อ้างว่าการตั้งข้อหาต่อเขาเป็นการล่าแม่มดและมีแรงจูงใจทางการเมืองนั้น ถูกหักล้างด้วยพยานหลักฐานที่ชัดเจน หนักแน่น และไม่อาจโต้แย้งได้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อันสำคัญของเขาในกองทุน 1MDB ไปในทางมิชอบ ประกอบกับอำนาจเบ็ดเสร็จที่เขาได้รับมอบมา"
ทั้งนี้ นาจิบอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดกระทงละ 15 ถึง 20 ปี และถูกปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 5 เท่าของมูลค่าความเสียหาย
ปัจจุบัน นาจิบถูกจำคุกมาตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2565 หลังจากศาลสูงสุดพิพากษายืนให้มีความผิดฐานทุจริตรับเงินจากบริษัทในเครือ 1MDB อย่างไรก็ดี โทษจำคุก 12 ปีจากคดีแรกนั้นเพิ่งได้รับการลดโทษลงกึ่งหนึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา
เมื่อปีที่แล้ว นาจิบได้กล่าวขอโทษต่อความผิดพลาดในการบริหารงานช่วงที่เกิดเหตุอื้อฉาว แต่ยังปฏิเสธความรับผิดทางอาญา โดยอ้างซ้ำ ๆ ว่าตนถูกเจ้าหน้าที่กองทุนและโจ โลว์ นักการเงินที่กำลังหลบหนีคดี หลอกลวงเรื่องที่มาของเงิน
แต่ผู้พิพากษามองว่า พยานหลักฐานชี้ชัดว่านาจิบมีความ "ผูกพันและเชื่อมโยงอย่างชัดเจน" กับโจ โลว์ โดยโลว์ทำหน้าที่เป็น "ตัวแทนและคนกลาง" ให้กับอดีตนายกฯ ในการดำเนินงานต่าง ๆ ของกองทุน 1MDB
นาจิบยืนกรานมาตลอดว่าตนถูกโลว์และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ หลอกให้เชื่อว่าเงินในบัญชีเป็นเงินบริจาคจากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ทว่าผู้พิพากษาเซเควระฮ์เห็นว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่มีความสมเหตุสมผล และไม่รับฟังเอกสารจดหมายเรื่องเงินบริจาคที่นาจิบนำมาอ้าง โดยระบุว่าไม่มีพยานหลักฐานอื่นรองรับและน่าจะเป็นเอกสารที่ทำปลอมขึ้น