ล่าสุด มาร์เก็ตวอทช์ รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้ยึดพื้นที่บนท้องถนนมาจนถึงช่วงปีใหม่ ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศไทยนั้นก็ใกล้จะปะทุขึ้นมาเต็มที ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการเลือกตั้งกล่าวเมื่อวานนี้ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายในการสกัดไม่ให้เกิดการเลือกตั้ง
การประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่ว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้ขัดขวางการลงทะเบียนของผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ 28 เขตนั้น ทำให้เกิดข้อกังขาตามมาเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.ที่จะถึงนี้ อีกทั้งยังทำให้กระแสของวิกฤตกระเพื่อมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นับเป็นเวลา 8 สัปดาห์แล้วที่ กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางนั้นได้ประท้วงขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยชี้ว่า รักษาการนายกฯเป็นหุ่นเชิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งเป็นพี่ชาย และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำการประท้วงและอดีตรองนายกฯ ได้ผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มารวมตัวกันในกรุงเทพฯ ยกระดับการประท้วงด้วยการขัดขวางการเลือกตั้ง ด้วยการปิดถนนทั่วกรุงเทพฯในสัปดาห์หน้า เพื่อบีบให้รักษาการนายกฯลาออกจากตำแหน่ง และเปิดทางให้สภาประชาชนบริหารประเทศ
อย่างไรก็ดี แผนการที่จะจัดการเลือกตั้งขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์จากความนิยมในนโยบายการให้เงินอุดหนุนประชาชนที่ยากจนด้วยการใช้แผนการใช้งบประมาณต่างๆของน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ดูเหมือนว่าจะประสบความล้มเหลว
นักวิเคราะห์ด้านการเมืองบางราย เช่น พวิน ชชวาลพงษ์พันธ์จากศูนย์การศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งมหาวิทยาลัยเกียวโด กล่าวว่า ไทยกำลังเผชิญกับการปฏิวัติแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังจะเห็นได้จากการที่สถาบันต่างๆ เช่น คณะกรรมการเลือกตั้งซึ่งได้ผลักดันให้รัฐบาลเลื่อนจัดการเลือกตั้งออกไป ในขณะที่ยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์และการเลือกตั้งอยู่
นอกจากนี้ พวินยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มผู้ประท้วงคงไม่สามารถประท้วงมาได้นานขนาดนี้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ