นายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค ย้ำในการแถลงข่าวว่า "ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไครเมียถือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศยูเครน ยูเครนจะไม่มีข้อพิพาททางการทหารกับรัสเซีย เนื่องจากเราไม่สามารถเปรียบเทียบกองกำลังทหารของยูเครน และรัสเซียได้"
เมื่อวานนี้ สมาชิกสภาไครเมียจำนวน 78 คน จากทั้งหมด 86 คน ลงมติให้บริเวณที่เกิดวิกฤตเป็นพื้นที่ของรัสเซีย พร้อมกับกำหนดวันลงประชามติเป็นวันที่ 16 มีนาคมนี้ โดยการลงประชามติจะสอบถามว่าประชาชนชาวไครเมียจะยังคงอยากเป็นส่วนหนึ่งของยูเครนอยู่ หรือต้องการเข้าร่วมกับรัสเซีย
อเล็กซานเดอร์ เทอร์ชีนอฟ โฆษกรัฐสภายูเครน และรักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศ เสนอให้มีการลงประชามติ เพื่อเพิ่มอิสรภาพของไครเมียในวันที่ 30 มีนาคมนี้
ปัจจุบัน นายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค และบรรดาผู้นำในยุโรปหลายคนกำลังเข้าร่วมประชุมสุดยอดนัดพิเศษในกรุงบรัสเซลส์ เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาในยูเครน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียูเครนต้องการที่จะลงนามข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับสหภาพยุโรป หรือ อียู
ก่อนการเปิดประชุมสุดยอดอียู ผู้นำในกลุ่มอียูบางคนเผยว่า พวกเขาต้องการเห็นวิกฤตการณ์ในยูเครนคลี่คลายลงด้วยการเจรจา
อันโทนิส แซมารัส นายกรัฐมนตรีกรีซกล่าวภายหลังการเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมผู้นำอียูว่า วิกฤตยูเครนจะต้องบรรเทาลง และยุโรปจะต้องใช้วิธีที่ประนีประนอม
นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย ก็ขอให้ใช้ความพยายาม "เพื่อให้แน่ใจได้ว่ารัเซีย และยูเครนจะหันหน้ามาเจรจากัน"
นายเดวิด คาเมรอน ระบุว่า "เราจำเป็นจะต้องส่งสาน์สที่ชัดเจนไปยังรัฐบาลของรัสเซียว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นไม่เป็นที่ยอมรับ และควรจะมีข้อยุติได้แล้ว" นายกฯอังกฤษหวังว่า การประชุมอียูจะจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
นายกรัฐมนตรีเจอร์คี คาไทเนนของฟินแลนด์ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า อียูน่าจะดึงรัสเซียเข้าสู่การเจรจาต่อรองเพื่อแก้ไขสถานการณ์วุ่นวายในยูเครน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นางวาเลนติน่า แมทเวียนเกา ประธานสภาสูงของรัสเซียเรียกร้องให้ประเทศฝั่งตะวันตกอย่าใช้วิธีการบังคับข่มขู่รัสเซีย
เธอกล่าวว่า "การข่มขู่ คำพูดในเชิงบีบบังคับรัสเซียนั้ นเป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ฉันมองไม่เห็นว่า การคว่ำบาตรจะสามารถแยกรัสเซียออกจากกระบวนการของเศรษฐกิจโลกได้"