In Focus“โอบามา" กับชะตากรรมที่ยากลำบากหลังเดโมแครตพ่ายศึกเลือกตั้งกลางเทอม

ข่าวการเมือง Wednesday November 12, 2014 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พรรคเดโมแครตซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ของสหรัฐรู้ตัวว่า พรรคกำลังจะตกที่นั่งลำบากในคืนวันวันอังคารที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งกลางเทอมของประเทศ หลังศึกชิงเก้าอี้วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์จิเนียที่ทางพรรคคาดว่า จะได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นกลับกลายเป็นศึกการต่อสู้กันอย่างเชือดเฉือนที่สุด

เจ้าหน้าที่วางแผนกลยุทธ์ของเดโมแครต ถึงกับกล่าวว่า “เมื่อใดที่คุณได้เชียร์การนับแคะแนนที่ชนะกันอย่างเฉียดฉิวในรัฐเวอร์จิเนีย นี่ไม่ใช่คืนที่ดีอย่างแน่นอน"

ในความรู้สึกโดยทั่วไป ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐถือว่าเป็นหายนะสำหรับพรรคเดโมแครตอย่างแท้จริง เพราะได้สูญเสียการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และยังกดพรรคให้ตกต่ำลงต่อไปได้อีกจากการที่ต้องสูญเสียเก้าอี้ไปให้กับพรรครีพับลิกันถึง 8-9 ที่นั่ง

นอกจากจะสูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภาแล้ว พรรคเดโมแครตยังพ่ายแพ้การเลือกตั้งผู้ว่าการในรัฐที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นฐานเสียงและเป้าหมายที่สำคัญของพรรค อีกทั้งยังพ่ายแพ้การเลือกตั้งในสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้พรรครีพับลิกันเข้ามาครองเสียงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2471 ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่เหลือของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายบารัค โอบามา

ความพ่ายแพ้ของเดโมแครตถือเป็นชัยชนะของรีพับลิกัน

คณะทำงานอิสระของพรรคเดโมแครตออกมากล่าวตำหนิเรื่องดังกล่าวว่า ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมของพรรคถือเป็นความผิดของนายโอบามา รวมทั้งได้โจมตีทุกฝ่ายที่พยายามจะปกป้องนายโอบามา

“คณะทำงานของพรรคเดโมแครตที่ไม่ยอมรับว่านี่คือความผิดพลาดของทำเนียบขาวเป็นพวกที่ยังไม่รู้ตัว" คณะทำงานอิสระระบุ “คณะทำงานที่ไม่เข้าใจว่าทำเนียบขาวได้ทำให้เกิดเรื่องยุ่งเหยิงก็คือพวกที่รับเงินจากทำเนียบขาวและผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกในจำนวนที่สูงเกินไปสำหรับงานที่ปรึกษาห่วยๆ และทำให้พรรคแพ้การเลือกตั้งปีแล้วปีเล่า"

คณะทำงานอิสระยังระบุว่า นายโอบามาและนายแฮร์รี รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาทำให้พรรคได้รับความเสียหายด้วยการชะลอการดำเนินงานตามแผนในประเด็นแรงงานอพยพและประเด็นร้อนอื่นๆ เพื่อปกป้องเก้าอี้วุฒิสมาชิกในรัฐทางตอนใต้ของประเทศ

“เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะพรรคเดโมแครตไม่รักษาสัญญาการปฏิรูปแรงงานอพยพ กลยุทธ์ของนายรี้ดไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่มากพอจะช่วยปกป้องวุฒิสมาชิกรัฐอาร์คันซอส์ นอร์ทแคโรไลนา และหลุยเซียนาไม่ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้" คณะทำงานอิสระยังระบุ “พวกเขาต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ และในขณะเดียวกัน เรายังได้สร้างความไม่พอใจให้กับฐานเสียงของเราอีกด้วย"

แหล่งข่าววงในระบุว่า เจ้าหน้าที่จัดทำโพลล์ของพรรคเดโมแครตได้ค้นหาคำตอบที่นำมาซึ่งชัยชนะของพรรครีพับลิกัน ว่ามาจากกรณีที่น่าอับอายในงานแถลงข่าวเมื่อปลายเดือนส.ค.ของนายโอบามา ซึ่งผู้นำสหรัฐได้ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนในการรับมือกลุ่มก่อการร้ายของรัฐอิสลาม (หรือที่รู้จักกันในชื่อ IS) โดยประกาศว่า “เรายังไม่มีกลยุทธ์ใดๆ"

“เราได้รับข้อมูลจากผู้จัดทำโพลล์ว่า ความนิยมในตัวนายโอบามาลดลงถึงจุดต่ำสุดหลังจากประธานาธิบดีของสหรัฐระบุว่า เขาไม่มีแผนรับมือกับกลุ่ม IS" แหล่งข่าวระบุ “ประชาชนมีความเชื่อมากขึ้นว่านี่เป็นการพายเรือที่ไร้หางเสือ และหลังจากนั้นก็เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาตามมาอีก"

ในคืนวันเลือกตั้ง ปัญหาเกี่ยวกับเก้าอี้วุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตเริ่มเกิดขึ้นที่รัฐเวอร์จิเนีย จากการต่อสู้กันอย่างดุเดือดเกินคาดระหว่างผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันและผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ซึ่งผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะเพียงไม่กี่พันคะแนนเท่านั้น

“เราไม่ได้คาดคิดในเรื่องนี้" นักวางแผนกลยุทธ์ของพรรคเดโมแครตกล่าวในคืนที่ผลการนับคะแนนเป็นไปอย่างดุเดือด

ในสนามเลือกตั้งวุฒิสภา พรรคเดโมแครตสูญเสียเก้าอี้ไปให้กับพรรครีพับลิกันในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เวสต์เวอร์จิเนีย มอนทานา เซาท์ดาโกตา อาร์คันซอส์ ไอโอวา และโคโลราโด ส่งผลให้สัดส่วนสมาชิกในวุฒิสภาอยู่ที่ 52 ต่อ 45 ในขณะที่รัฐอลาสกาและรัฐหลุยเซียนาจะจัดการเลือกตั้งวุฒิสภาชิกรอบสองในเดือนหน้า และผลโพลล์ระบุว่า ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันมีโอกาสสูงกว่าที่จะได้รับเลือกตั้งเข้าสู่วุฒิสภา

แต่อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่พรรคเดโมแครตสงบปากสงบคำมากขึ้นน่าจะเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ เนื่องจากผู้สมัครของพรรคต้องพบกับความพ่ายแพ้ในรัฐที่มีความเสี่ยงสูง เช่น แคนซัส มิชิแกน วิสคอนซิน เมน และฟลอริด้า ซึ่งทั้งหมดเป็นรัฐสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพรรครีพับลิกัน นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันยังครองเสียงข้างมากในสภาท้องถิ่นของรัฐอิลลินอยส์และแมสซาชูเสตต์ ซึ่งเป็นรัฐที่พรรคเดโมแครตมีฐานเสียงที่แข็งแกร่ง

ผลการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐที่น่าตื่นเต้นที่สุดอยู่ที่รัฐแมรีแลนด์ ซึ่งผู้สมัครของพรรครีพับลิกันสามารถสร้างความประหลาดใจด้วยการพลิกเอาชนะผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตไปอย่างขาดลอย

“เราคาดว่าการแข่งขันจะสูสีกันมาก แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นการชนะที่ขาดลอยมาก" เจ้าหน้าที่พรรคเดโมแครตกล่าว เมื่อเทียบกับผลโพลล์ที่ระบุว่าพรรคเดโมแครตจะได้รับชัยชนะ

โฆษกผู้ว่าการจากพรรครีพับลิกันแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า “ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับนโยบายปรับขึ้นภาษีของผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตจึงได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้งเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง"

โอบามายอมรับความผิดพลาด พร้อมรับฟังเสียงชาวอเมริกัน

ภายหลังความพ่ายแพ้ของพรรคเดโมแครต นายโอบามาออกมากล่าวแบบขวานผ่าซากว่า เขาและทำเนียบขาวไม่ประสบความสำเร็จในการนำเสนอผลประโยชน์จากนโยบายของตนเองต่อชาวอเมริกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับระบุว่าเป็นนโยบายที่ล้มเหลวที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงในช่วง 2 ปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

นายโอบามายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “เราพ่ายแพ้" และความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตกระตุ้นให้เขาตรวจสอบดูว่าจำเป็นที่จะต้องทำอะไรบ้างที่แตกต่างออกไป แต่อย่างไรก็ดี โอบามายังปกป้องนโยบายการบริหารของตนเอง โดยระบุว่า ผลการเลือกตั้งเกิดจากความพยายามในการสื่อสารที่ขาดประสิทธิภาพของทำเนียบขาว

ประธานาธิบดีสหรัฐให้คำมั่นว่า จะให้ความร่วมมือกับพรรครีพับลิกันในการผลักดันประเทศให้ก้าวเดินไปข้างหน้าในช่วง 2 ปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง

“ชาวอเมริกันได้ส่งสาสน์ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสาสน์ที่พวกเขาเคยส่งมาแล้วในการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา พวกเขาอยากเห็นตัวแทนทำงานหนักเหมือนกับที่พวกเขาทำ" นายโอบามากล่าวภายหลังทราบผลการเลือกตั้ง “ผมอยากจะบอกทุกคนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งว่า ผมได้รับสาสน์จากพวกคุณ" พร้อมกับยืนยันว่า การดำเนินการในเรื่องแรงงานอพยพ ซึ่งได้ถูกเลื่อนออกไปจนกระทั่งหลังการเลือกตั้ง ยังคงได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรกพร้อมกับให้คำมั่นว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปีนี้

“ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่จะกล่าวได้ว่า ผมได้แสดงให้เห็นแล้วว่าได้ใช้ความอดทนอย่างยิ่งและพยายามทำงานบนพื้นฐานความร่วมมือจากทั้ง 2 พรรคให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และผมจะเดินหน้าในเรื่องนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ต้องดูว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อปรับปรุงระบบปัจจุบันให้สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น" นายโอบามากล่าวโดยปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงาน

แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีความขัดแย้งกับวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมาก โดยนายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยซึ่งมีแนวโน้มจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำเสียงข้างมากคนต่อไปกล่าวเตือนว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นความผิดพลาดของของประธานาธิบดีสหรัฐหากยังดื้อรั้นเดินหน้าดำเนินการ เนื่องจากผู้ไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดีหลายคนในเรื่องการผ่อนผันแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาต ชัยชนะอย่างท่วมท้นของพรรครีพับลิกันแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของผู้นำ

การกระทบกระทั่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการแถลงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า

การกระทบกระทั่ง ความขัดแย้ง และภาวะชะงักงัน คือ เรื่องที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับพรรครีพับลิกันที่สามารถครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและรัฐสภา ในช่วง 2 ปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง

ความนิยมที่ลดลงในตัวนายโอบามาถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคเดโมแครตเสื่อมความนิยม ถึงแม้ว่าผู้นำจากพรรครีพับลิกันจะแสดงออกถึงมิตรภาพในความจำเป็นที่จะผ่าทางตันทางการเมืองจนส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในรัฐสภามาเป็นเวลาหลายปี

แต่ดูเหมือนว่าความเชื่อมั่นในเรื่องดังกล่าวจะมีน้อยมาก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการเอาใจฝ่ายฐานเสียงที่สำคัญๆ นายมิทช์ แมคคอนเนลล์กล่าวภายหลังจากทราบผลการเลือกตั้งว่า “เป็นเวลานานมาแล้วที่ฝ่ายบริหารชุดนี้ได้ใช้ความพยายามที่จะบอกกับชาวอเมริกันว่าอะไรคือสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา และโยนความผิดไปให้กับคนอื่นหากนโยบายไม่ได้ผล" พร้อมกับคาดว่า ทั้งเขาและนายโอบามาจะไม่เปลี่ยนมุมมองที่แตกต่างกันในประเด็นต่างๆ

ที่ปรึกษาทำเนียบขาวกล่าวว่า ความพ่ายแพ้ของพรรคเดโมแครตส่งผลให้นายโอบามามีความอ่อนแอทางการเมืองมากขึ้น และคาดว่า อาจจะต้องเผชิญกับความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันในเรื่องต่อไปนี้ในระหว่างการดำรงตำแหน่งในอีก 2 ปีที่เหลือ:

การก่อสร้างเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน: โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการที่สำคัญของประธานาธิบดีสหรัฐ โอบามาต้องการให้รัฐบาลนำเงินจำนวนมากไปลงทุนในการซ่อมแซมถนน สะพาน ระบบน้ำ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ นายโอบามาระบุว่า เรื่องดังกล่าวจะช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันได้หลายรายและสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่พรรครีพับลิกันไม่เห็นด้วย โดยระบุว่า เป็นการใช้งบประมาณลงทุนที่สูงเกินไปและไร้ประโยชน์

การสร้างตำแหน่งงาน: อัตราว่างงานของสหรัฐปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 5.9% จากระดับสูงกว่า 9% เมื่อครั้งประธานาธิบดีโอบามาก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งในเดือนม.ค. 2552 แต่ชาวอเมริกันหลายคนกลับรู้สึกขาดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เนื่องจากหลายคนมีรายได้ที่ต่ำเกินไป หรือมีรายได้ลดลงจากช่วงก่อนหน้านั้น ในขณะที่บางรายหมดหวังกับการหางานทำ นายโอบามาระบุว่า ตนเองมีแผนจะก่อสร้างตามโครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อช่วยให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่พรรครีพับลิกันระบุว่า คำตอบสำหรับเรื่องดังกล่าวต้องใช้นโยบายกระตุ้นในวงกว้างกว่านี้ด้วยการลดภาษีและกฎระเบียบเกี่ยวกับธุรกิจ

การปฏิรูปภาษี: นายโอบามาต้องการปรับลดภาษีนิติบุคคลลงในวงจำกัดและอุดช่องว่างภาษี เพื่อรับประกันว่าบริษัทขนาดใหญ่และบุคคลร่ำรวยจะจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น ในขณะที่พรรครีพับลิกันต้องการให้ปรับลดภาษีลงอย่างครอบคลุมสำหรับทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา

ปัญหาแรงงานอพยพ: ฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับความมั่นคงบริเวณพรมแดน แต่โอบามาและพรรคเดโมแครตต้องการใช้วิธีการที่กว้างกว่านี้ เช่น จำกัดการส่งกลับแรงงานที่ลักลอบเข้ามาทำงานในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย และเตรียมให้สัญชาติแก่แรงงานอพยพที่มีทักษะสูง ซึ่งไม่ได้มีการสำรวจเกี่ยวกับการใช้วิธีการต่างๆ นักวางแผนกลยุทธ์ของพรรคเดโมแครตคาดว่า ก่อนจะสิ้นปี 2557 และต้นปี 2558 โอบามาจะใช้อำนาจในการยับยั้งการส่งกลับแรงงานอพยพ ซึ่งรวมไปถึงแรงงานที่ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายและแรงงานที่สมรสกับชาวสหรัฐ หรือคู่สมรสที่พำนักอยู่ในสหรัฐอย่างถูกกฎหมาย บุตรแรงงานอพยพที่ได้รับสัญชาติอเมริกัน เพื่อให้อยู่กันอย่างพร้อมเพรียงทั้งครอบครัวแทนที่จะถูกจับแยกจากกัน และแรงงานในฟาร์มเกษตรที่ถูกมองว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ การใช้อำนาจประธานาธิบดีดังกล่าวสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม

การค้า: สมาชิกพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาสามารถออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมการค้า ยกเลิกการกีดกันทางการค้า และการเปิดตลาดสหรัฐได้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถทำข้อตกลงการค้าที่สำคัญได้ต่อไป โดยทั่วไปแล้ว โอบามาสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนโดยเฉพาะองค์กรด้านแรงงานพยายามขัดขวาง

การดูแลสุขภาพ: สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนต้องการให้ยกเลิกกฎหมาย Affordable Care Act หรือ โอบามาแคร์ ซึ่งเป็นการยกเครื่องระบบประกันสุขภาพของสหรัฐโดยประธานาธิบดีโอบามา แต่นายโอบามาไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยระบุว่า จะส่งผลให้ตำแหน่งงานลดลงหลายตำแหน่ง และยังจำกัดการลงทุนในด้านการวิจัยและขัดขวางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผู้นำสหรัฐวิตกว่า เรื่องดังกล่าวจะกลายเป็นความพยายามในการขัดขวางไม่ให้กฎหมายทั้งฉบับมีประสิทธิภาพและไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน

ความมั่นคงของประเทศ: พรรครีพับลิกันเรียกร้องให้นายโอบามาแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวกว่านี้ต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำของรัสเซีย รวมไปถึงจุดยืนต่อกลุ่ม ISIS ในอิรักและซีเรีย ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดีสหรัฐต้องเผชิญกับการเผชิญหน้าที่ท้าทายมากขึ้นกับตัวแทนเจรจาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ

ถึงแม้จะดูเหมือนว่า ความพ่ายแพ้ของพรรคเดโมแครตจะส่งผลให้ประธานาธิบดีโอบามาตกที่นั่งลำบาก แต่ทั้งนายมิทช์ แมคคอนเนลล์ และประธานาธิบดีสหรัฐต่างก็เห็นด้วยที่จะให้ความร่วมมือเพื่อผ่าทางตันทางการเมืองที่มีมาอย่างอย่างนาน ในขณะที่หลายฝ่ายได้มองข้ามในเรื่องนี้ไปแล้ว และหันไปให้ความสนใจกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งต่อไปในปี 2559 ที่จะมาถึงแทน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ