บรรดารัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและตัวแทนจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 ประเทศหรือ G7 ได้เข้าร่วมการประชุมที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 พ.ค.นี้ ในจังหวัดโทยามะของญี่ปุ่น เพื่อหารือเกี่ยวกับการมีบทบาทเป็นผู้นำในการดำเนินการ "ข้อตกลงบรรยากาศโลกกรุงปารีส" ที่ได้บรรลุข้อตกลงกันเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับแถลงการณ์ที่จะมีขึ้นหลังการประชุมนั้น คาดว่ากลุ่มประเทศ G7 จะมีมติเห็นชอบให้มีการบังคับใช้ข้อตกลงปารีสก่อนกำหนดและผลักดันกำหนดการประกาศแผนการระยะยาวในการรับมือกับปัญหาสภาวะโลกร้อนให้เร็วขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้เป็นปี 2563
การประชุมครั้งนี้นับเป็นการรวมมตัวกันครั้งแรกของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมในกลุ่มประเทศ G7 นับตั้งแต่การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกที่กรุงปารีสเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา การประชุมครั้งนั้นมีประเทศเข้าร่วมเกือบ 200 ประเทศและมีจุดประสงค์หลักเพื่อกำหนดกรอบการปฏิบัติในระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยความร่วมมือจากทุกประเทศ
ร่างแถลงการณ์ระบุว่า ในปัจจุบันประเทศที่ร่วมลงนามในความตกลงปารีสจะมีจำนวนกว่า 170 ประเทศ โดยคาดว่าสมาชิกกลุ่ม G7 จะแสดงความมุ่งมั่นถึงความเป็นผู้นำในการดำเนินการข้อตกลงปารีสให้เร็วขึ้นและต่อเนื่องตามคำมั่นสัญญาเพื่อควบคุมและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ การประชุมครั้งนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามของกลุ่ม G7 ในการเป็นผู้นำเกี่ยวกับการพัฒนาแผนการระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อเรียกร้องภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว