เกาหลีเหนือได้ออกมาประณามสหรัฐในวันนี้ หลังจากกองทัพสหรัฐได้ทดสอบการยิงสกัดขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามนิวเคลียร์
ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐได้ทำการทดสอบยิงเพื่อทำลายขีปนาวุธ ICBM โดยใช้ระบบขีปนาวุธสกัดกั้นบนภาคพื้น (Ground-Based Interceptor) โดยการทดสอบดังกล่าวมีขึ้นที่ฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์กในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยิงสกัดขีปนาวุธข้ามทวีปแบบจำลองที่ปล่อยมาจากเกาะควาจาเลนอะทอลล์ ในหมู่เกาะมาร์แชลล์ และหลังจากนั้นไม่นานกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ออกประกาศความสำเร็จในการทดสอบดังกล่าว
การทดสอบดังกล่าวของสหรัฐมีขึ้นในช่วงเวลาที่เกาหลีเหนือได้เร่งพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่มีพิสัยโจมตีไกลถึงแผ่นดินสหรัฐ ขณะที่นายเจฟฟ์ เดวิส โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า เกาหลีเหนือได้ยกระดับทั้งขีดความสามารถและขนาดของกองกำลังขีปนาวุธ จากขีปนาวุธพิสัยใกล้ ไปสู่ขีปนาวุธข้ามทวีปแล้ว และเชื่อว่าเกาหลีเหนือจะเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธอีกอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม โฆษกกองกำลังทางยุทธศาสตร์ของกองทัพเกาหลีเหนือได้เปิดเผยกับสำนักข่าว KCNA ในวันนี้ว่า การที่สหรัฐทำการทดสอบยิงสกัดขีปนาวุธในวันดังกล่าว ถือเป็นการยั่วยุทางทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานตามแบบฉบับจักรวรรดินิยมของสหรัฐ และอาจเป็นการจุดชวนให้เกิดสงครามนิวเคลียร์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา สหรัฐได้ทดสอบระบบขีปนาวุธสกัดกั้นรวม 17 ครั้ง แต่ประสบความสำเร็จเพียง 9 ครั้ง โดยครั้งหลังสุดที่ทดสอบคือปี 2557 ทั้งนี้ในปัจจุบัน สหรัฐได้ติดตั้งระบบขีปนาวุธสกัดกั้นในรัฐอลาสก้าและแคลิฟอร์เนียรวม 36 ระบบ แต่รัฐบาลมีแผนจะเพิ่มจำนวนเป็น 44 ระบบภายในสิ้นปีนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเกาหลีเหนืออยู่ในระหว่างการเตรียมการขั้นสุดท้ายในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งขีปนาวุธเหล่านี้สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้หลายหัวและโจมตีเป้าหมายได้หลายจุดในสหรัฐ