สำนักข่าว DPA ของเยอรมนี รายงานว่า นายซิกมาร์ กาเบรียล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ได้วิจารณ์การที่ชาติอาหรับได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ รวมถึงบทบาทของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในประเด็นดังกล่าว
รมว.ต่างประเทศเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Handelsblatt Daily ว่า "กาตาร์ถูกโดดเดี่ยวไม่มากก็น้อย และได้รับผลกระทบอย่างสาหัส การที่นายทรัมป์เข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ในภูมิภาคที่เสี่ยงเกิดวิกฤติอยู่แล้วนั้นอันตรายอย่างยิ่ง ผมรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่ยกระดับขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาทั่วภูมิภาคด้วย"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า กาตาร์เป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้าย ขณะที่ลิเบีย เยเมน และมัลดีฟส์ ได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์เช่นกัน ทางด้านกาตาร์ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมกล่าวว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่ยุติธรรม และไม่มีมูลความจริง
ทางด้านสำนักข่าวเพตราของจอร์แดนรายงานว่า จอร์แดนได้ตัดสินใจลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ รวมทั้งถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราของกาตาร์ในประเทศจอร์แดน
ทั้งนี้ รมว.ต่างประเทศเยอรมนี ได้พบปะกับชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน อัล ทานี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของกาตาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และยังได้พบปะกับนายอเดล อัล จูเบีย รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศซาอุดิอาระเบียเมื่อวานนี้ เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาทางการทูตดังกล่าว
นอกจากนี้ เขายังเตือนว่า "ข้อตกลงทางทหารมูลค่ามหาศาลที่ปธน.ทรัมป์ได้ทำร่วมกับประเทศอาหรับบางประเทศเมื่อไม่นานมานี้ กำลังทำให้ความเสี่ยงด้านทหารมีความรุนแรงมากขึ้น