Analysis: ความสัมพันธ์สหรัฐและรัสเซียปี 2561 ส่อแววตกต่ำต่อไป

ข่าวการเมือง Friday December 29, 2017 15:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแดร์เรล เวสต์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสจากสถาบันบรูกกิงส์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียยังคงอยู่ในระดับต่ำมาจนกระทั่งเกือบสิ้นปี อีกทั้งยังไม่มีท่าทีที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2561 และชี้ว่า "ขณะนี้ ความสัมพันธ์กับรัสเซียของสหรัฐอยู่ในระดับต่ำ"

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียตกอยู่ในภาวะที่ขมขื่นมาระยะหนึ่งแล้ว ท่ามกลางความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับสงครามในซีเรีย ความขัดแย้งในยูเครน และข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียมีส่วนพัวพันกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย

นายเวสต์กล่าวว่า "ชาวอเมริกันจำนวนมากรู้สึกไม่ไว้วางใจในนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และเข้าใจว่าเขาเป็นผู้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 เพื่อสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ"

"ชาวอเมริกันไม่พอใจที่ปูตินพยายามที่จะขยายอิทธิพลของรัสเซียในยุโรปตะวันออก ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงต่อต้านการผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียให้เป็นปกติ และปฏิบัติต่อรัสเซียเช่นรัฐมหาอำนาจที่เป็นมิตรนั้น เป็นเรื่องยาก"

เมื่อพูดถึงประเด็นในซีเรียแล้ว เวสต์เปิดเผยว่า "โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พยายามกระตุ้นให้รัสเซียช่วยเหลือเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย อย่างไรก็ดี สหรัฐมองว่า ปูตินให้ความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย แต่กลับเพิ่มบทบาทของรัสเซียในซีเรีย"

ในขณะที่กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ยังคงลอยนวลอยู่ในตะวันออกกลางภายหลังเหตุระเบิดและการใช้กำลังทหารในหลายประเทศ ก็ยังเกิดเหตุก่อการร้ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่ม IS เกิดขึ้นในยุโรปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และไม่มีท่าทีว่าสถานการณ์จะคลายตัวลง

นายเวสต์กล่าวว่า "ดูเหมือนว่า ปี 2561 คงไม่มีอะไรที่จะแตกต่างไปจากนี้ เนื่องจากปูตินแสดงท่าทีเพียงน้อยนิดต่อการช่วยโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ทรัมป์ยังไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซีย"

บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา การที่สภาคองเกรสของสหรัฐอนุมัติการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเป็นเอกฉันท์นั้น สะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่า สภาคองเกรสเชื่อว่า สหรัฐไม่สามารถร่วมมือกับรัสเซียได้ แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเคยแสดงความหวังเมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาว่า ทั้งสองประเทศจะสามารถเป็นพันธมิตรกันเพื่อแก้ปัญหาในด้านต่างๆก็ตาม

ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงอาจส่งผลให้เกิดการคว่ำบาตรอีกในอนาคต อีกทั้งยังอาจทำให้สหรัฐสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ ได้มากขึ้น

นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า สหรัฐจะส่งมอบอาวุธสำหรับการป้องกันประเทศแก่ยูเครนในปี 2561 และกองทัพสหรัฐอาจไปประจำการในประเทศต่าง ๆ ในยุโรปตะวันออกมากขึ้น เช่น รัฐบอลติกและประเทศโปแลนด์ นอกจากนี้ ทั้งโลกอาจจะได้เห็นสหรัฐนำเครื่องบินทิ้งระเบิดไปประจำการในยุโรปเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรเพื่อเป็นการเตือนรัสเซีย

นอกจากนี้ บรรดานักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ด้วยว่า การเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐกับประเทศอื่นๆอย่างโปแลนด์จะแข่งแกร่งขึ้น เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและโปแลนด์กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้งทรัมป์ยังได้กล่าวตำหนิรัสเซียซึ่งเป็นคู่ตรงข้ามของโปแลนด์ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ ณ กรุงวอร์ซอ เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

นายเวสต์ กล่าวว่า "ปูตินได้พยายามขยายอิทธิพลในยุโรปตะวันออก ขณะที่ฮังการีเองได้อยู่ฝ่ายนายปูติน ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำว่า รัสเซียกำลังพยายามขยายอิทธิพลในยุโรปตะวันออก"

ส่วนนักวิเคราะห์อื่น ๆ ต่างเห็นพ้องว่า ความสัมพันธ์สหรัฐ-รัสเซียเคยดีกว่านี้ และไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นในปี 2561

นายแดน มาฮาฟฟี รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการด้านนโยบายแห่ง Center for the Study of the Presidency and Congress เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียอยู่ในภาวะที่ตึงเครียด

นายมาฮาฟฟีกล่าวด้วยว่า สภาคองเกรสยังคงมีความกังวลเช่นเดียวกับฝ่ายนิติบัญญัติที่เชื่อว่า รัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐและบรรดาพันธมิตรรายสำคัญ และไม่เชื่อว่า การกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซียจะช่วยแก้ปัญหาในยูเครน ซีเรีย อิหร่าน และคาบสมุทรเกาหลีได้

ทัศนะดังกล่าวได้ถูกตอกย้ำในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ของพลโทเอช. อาร์. แม็กมาสเตอร์ ที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวถึงรัสเซียว่า เป็น"มหาอำนาจที่หัวแข็ง" ที่นำมาซึ่งภัยคุกคามมากมายต่อสหรัฐ

นายมาฮาฟฟีกล่าวอีกว่า สหรัฐมองว่ารัสเซียเป็นมหาอำนาจที่หัวแข็ง เนื่องจากรัสเซียถูกมองว่าเป็นคู่แข่งด้านผลประโยชน์ของสหรัฐ ซึ่งได้พยายามขยายอิทธิพลในภูมิภาคยุโรปตะวันออก แม้ว่าสหรัฐจะมีความสัมพันธ์อันดีกับหลายประเทศพันธมิตรซึ่งอยู่ในภูมิภาคดังกล่าวก็ตาม

เมื่อพูดถึงความตึงเครียดระหว่างสองประเทศแล้ว นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งกล่าวว่า ความตึงเครียดนี้จะนำไปสู่ความต้องการของสหรัฐที่จะตอบโต้การแสดงออกของรัสเซีย ส่วนนักวิเคราะห์รายอื่น ๆ เปิดเผยว่า ทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโดนัลด์ ทรัมป์ มีความรู้สึกว่ารัสเซียกำลังเอาเปรียบสหรัฐอยู่

นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียได้พยายามเสนอให้มีการจัดทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการกับสหรัฐว่า จะไม่แทรกแซงกิจการของกันและกันมาตั้งแต่ช่วงปี 2533 แต่สหรัฐก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวมาโดยตลอด

แมทธิว รัสลิง สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ