Analysis: นักวิเคราะห์ชี้ความสัมพันธ์สหรัฐ-เกาหลีเหนือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของ "ทรัมป์" ในปีนี้

ข่าวการเมือง Monday January 8, 2018 13:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ของสหรัฐมองว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือถือเป็นประเด็นที่ท้าทายมากที่สุดสำหรับนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2561 ขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศยังคงตึงเครียด

ดาร์เรล เวสท์ นักวิเคราะห์จากสถาบันบรูกกิ้งส์ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "ประเด็นเกาหลีเหนือจะเป็นสุดยอดความท้าทายด้านนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ในปีนี้"

ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีนั้นอยู่ในระดับสูงแบบที่ไม่ปรากฏมาก่อน เนื่องจากทรัมป์ต้องการให้เกาหลีเหนือยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่อาจกระทบต่อสหรัฐ ในขณะที่เกาหลีเหนือเชื่อว่าอาวุธนิวเคลียร์เป็นเพียงปัจจัยเดียวที่จะปกป้องอธิปไตยของตนจากสหรัฐได้

"ทรัมป์พยายามเข้าไปมีบทบาทในการกดดันให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ในปีนี้ อาจเป็นเวลาที่ทรัมป์จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ช่องทางการทูต หรืออาจจะใช้มาตรการทางทหาร รวมทั้งการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ล้วนสร้างผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก" เวสท์กล่าวว่า

ขณะที่นักวิเคราะห์อีกหลายมองว่า การตัดสินใจของทรัมป์นั้น เป็นเรื่องที่เกินคาดเดา ส่วนการดำเนินมาตรการต่างๆก็ยังคงคลุมเครือ เนื่องจากทรัมป์ยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณาหาข้อสรุป

"แต่ละทางเลือกล้วนมีความเสี่ยง แต่ทรัมป์คงมองว่า การปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังอยู่เช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ เขาแสดงให้เห็นว่าเขาเปิดกว้างให้กับทุกทางเลือก อาทิ การใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อตอบโต้ที่อีกฝ่ายทดสอบขีปนาวุธ ซึ่งดูเหมือนเขามีความจริงจังในการแก้ปัญหาดังวกล่าวในปีนี้" เวสท์ระบุ

เมื่อไม่นานมานี้ นาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้แสดงท่าทีอันเป็นมิตรต่อเกาหลีใต้ ผ่านการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันปีใหม่ โดยนายคิม จอง อึนได้แสดงความพร้อมในการเจรจาส่งตัวแทนนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ และในวันต่อมา เกาหลีใต้ที่เสนอให้เกาหลีเหนือเข้าร่วมการประชุมที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นเขตปลอดทหารระหว่างชายแดนของประเทศทั้งสองในวันอังคารที่ 9 ม.ค. นี้ ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเหนือก็ตอบรับคำเชิญแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนั้น นายคิมได้ข่มขู่สหรัฐว่า เขามีปุ่มกดนิวเคลียร์วางอยู่บนโต๊ะและพร้อมจะถล่มสหรัฐได้ทุกเมื่อ ขณะที่ทรัมป์ได้ออกมาตอบโต้ว่า ปุ่มกดนิวเคลียร์ของสหรัฐทั้งใหญ่กว่าและสมรรถนะสูงกว่า

นายแดน มาฮาฟฟี รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการด้านนโยบายแห่ง Center for the Study of the Presidency and Congress แสดงทรรศนะว่า "การตอบโต้ทรัมป์ของทรัมป์ถือเป็นสิ่งที่อันตรายและไม่มีวุฒิภาวะ"

บทวิเคราะห์โดยแมทธิว รัสลิง

สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ