ผลสำรวจโดยมหาวิทยาลัยควินนีแพคระบุว่า คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เพิ่มขึ้นแตะระดับ 40% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2560
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า 48% ของชาวอเมริกันที่ได้รับการสำรวจครั้งนี้มองว่า ทรัมป์มีส่วนอย่างมากในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 2-5 ก.พ. ซึ่งชาวอเมริกันผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 70% ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐ "ดีเยี่ยม" หรือ "อยู่ในขั้นดี" เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งระบุว่า มีชาวอเมริกัน 66% มองว่า เศรษฐกิจของสหรัฐ "ดีเยี่ยม" หรือ "อยู่ในดี"
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจดังกล่าวระบุด้วยว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งของสหรัฐ 55% ระบุว่าพวกเขายังไม่สามารถยอมรับในหลายสิ่งที่ทรัมป์กำลังทำอยู่ และผู้มีสิทธิเลือกตั้งของสหรัฐ 60% มองว่า ทรัมป์กำลังแบ่งแยกประเทศมากกว่าที่จะรวมประเทศ
นายทิม มัลลอย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายผลสำรวจของมหาวิทยาลัยควินีแพคกล่าวว่า "ผลที่เกิดขึ้นภายหลังการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาของทรัมป์นั้น ได้เริ่มแสดงผล บวกกับภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึงทำให้ประชาชนเริ่มพอใจทรัมป์มากขึ้นด้วย"
"เขาได้รับคะแนนนิยมระดับ 40% เป็นครั้งแรกในรอบนานกว่า 7 เดือน แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับระดับ 50%" นายมัลลอยกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลสำรวจครั้งนี้ได้จากการสัมภาษณ์ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 1,333 คนจากทั่วสหรัฐ ผ่านทั้งทางโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ 3.3%