จับตาผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ คาดเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ขณะรีพับลิกันกวาดที่นั่งในวุฒิสภา

ข่าวการเมือง Wednesday November 7, 2018 07:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทั้งสภาจำนวน 435 คน ขณะที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 35 คนจากทั้งหมด 100 คน รวมทั้งเลือกผู้ว่าการรัฐ 36 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า พรรคเดโมแครตจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา ซึ่งหากผลการเลือกตั้งออกมาตามคาด ก็จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า หากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ทั้ง 2 สภา ก็จะทำให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลมีแนวโน้มออกมาตรการปรับลดอัตราภาษีต่อไป แต่หากพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา ก็จะทำให้ตลาดหุ้นถูกกดดัน เนื่องจากจะทำให้การผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ เป็นไปอย่างลำบาก

สื่อสหรัฐระบุว่า การเลือกตั้งกลางเทอมถือเป็นการชี้ชะตารัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนับเป็นการเลือกตั้งที่มีราคาแพงที่สุด ถูกจับตามองมากที่สุด และก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคานอำนาจในสภามากที่สุด เนื่องจากผลโพลหลายสำนักคาดการณ์ว่า พรรคเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่พรรครีพับลิกันจะยังคงมีอำนาจในวุฒิสภา

บทวิเคราะห์การเมืองใน Cook Political Report ระบุว่า หากพรรคเดโมแครตคว้าเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะส่งผลทำให้วาระการดำรงตำแหน่งช่วง 2 ปีสุดท้ายของปธน.ทรัมป์อาจจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากกว่าที่เคย เนื่องจากพรรคเดโมแครตสามารถเปิดการไต่สวนกรณีการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อปี 2559 รวมถึงการหลีกเลี่ยงเปิดเผยเอกสารภาษีของปธน.ทรัมป์ และการเข้าตรวจสอบธุรกิจของทรัมป์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นักวิเคราะห์ประเมินด้วยว่า พรรคเดโมแครตจะสามารถยับยั้งการออกนโยบายหรือผ่านร่างกฎหมายต่างๆ และจะไม่มีการผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับใหม่, การรื้อแผนประกันสุขภาพโอบามาแคร์ และกฎหมายดอดด์-แฟรงค์

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า พรรคเดโมแครตจะไม่สามารถยับยั้งนโยบายต่างประเทศของปธน.ทรัมป์ได้ เนื่องจากปธน.ทรัมป์มีขอบเขตที่กว้างในการดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระและประกาศจุดยืนฝ่ายเดียว และคาดว่าจะยังคงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านต่อไปตามเดิม เช่นเดียวกับการดำเนินนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ส่วนประเด็นสงครามการค้า คาดว่าปธน.ทรัมป์จะพยายามแสวงหาจุดร่วมกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ก่อนหน้าที่การประชุมสุดยอดจี 20 จะเปิดฉากขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ ขณะที่การเจรจาหารือกับเกาหลีเหนือเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีจะยังคงดำเนินต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ