ทีมทนายความกรณี"ทรัมป์"ติดต่อยูเครน เดินหน้าว่าความให้ผู้แจ้งเบาะแสรายที่สอง

ข่าวการเมือง Monday October 7, 2019 10:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทีมทนายความที่ว่าความให้กับผู้แจ้งเบาะแสรายแรกที่ได้ยื่นคำร้องเกี่ยวกับการติดต่อกันอย่างไม่เหมาะสมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กับผู้นำยูเครนนั้น ได้ประกาศยืนยันว่า ทางทีมทนายกำลังว่าความให้กับผู้แจ้งเบาะแสรายที่สองที่มีความเกี่ยวข้องกับคำร้องดังกล่าว

มาร์ค ซาอิด สมาชิกทีมทนายความกลุ่มดังกล่าว ยืนยันผ่านทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า ตนกำลังว่าความให้กับผู้แจ้งเบาะแสรายที่สองที่มีส่วนรู้เห็นโดยตรงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากที่มีรายงานข่าวจากนายจอร์จ สเตฟาโนปูโลส ผู้ประกาศข่าวช่อง ABC ของสหรัฐ

นายมาร์ค ซาอิด ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า "ผมยืนยันได้ว่า รายงานข่าวที่ว่าทีมทนายของเราว่าความให้กับผู้แจ้งเบาะแสรายที่สองนั้นเป็นเรื่องจริง โดยทางทีมทนายได้ขอคุ้มครองการเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมายและโจมตีกลับไม่ได้ ผู้แจ้งเบาะแสรายนี้มีส่วนรู้เห็นโดยตรง"

นายซาอิด ยังได้รีทวีตข้อความจากนายจอห์น ซานทุชชี จากช่อง ABC ที่ระบุว่า ผู้แจ้งเบาะแสรายที่สองนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองที่เคยถูกสอบปากคำโดยนายไมเคิล แอทคินสัน หัวหน้าผู้ตรวจราชการฝ่ายข่าวกรอง

นอกจากนี้ ทนายความผู้นี้ยังได้รีทวีตข้อความจากนายเจค แทปเปอร์ ผู้ประกาศข่าวช่อง CNN พร้อมยืนยันว่า ผู้แจ้งเบาะแสรายที่สองนี้ไม่ได้ยื่นคำร้องด้วยตนเองเพราะไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้องทำ โดยผู้แจ้งเบาะแสรายที่สองมีส่วนรู้เห็นโดยตรงที่สนับสนุนคำกล่าวหาของผู้แจ้งเบาะแสรายแรก

ทั้งนี้ ผู้แจ้งเบาะแสรายแรกได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งกล่าวหาว่าปธน.ทรัมป์ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และคู่แข่งของปธน.ทรัมป์ ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า และนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย เกี่ยวกับบริษัทก๊าซแห่งหนึ่งในยูเครนที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวนายฮันเตอร์และเป็นบริษัทที่สงสัยว่ามีการทุจริต

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศเริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ