Spotlight: สถานการณ์ตะวันออกกลางร้อนระอุ หลังสหรัฐปลิดชีพนายพลอิหร่านในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ

ข่าวต่างประเทศ Monday January 6, 2020 14:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดฉากโจมตีทางอากาศที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่านเสียชีวิต ทางด้านอิหร่านยืนยันว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรง ในขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศแผนการเพิ่มกำลังทหารในตะวันออกกลาง

ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศด้วยโดรนของสหรัฐนั้น ส่งผลให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน และนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้นำกองกำลังฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) ของอิรัก เสียชีวิต และสร้างความโกรธแค้นให้กับอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ที่ประกาศพร้อมจะตอบโต้สหรัฐ

หลังการโจมตีดังกล่าว สื่อสหรัฐรายงานว่า สหรัฐจะส่งกำลังทหารอีก 3,500 นายเข้าไปยังตะวันออกกลาง โดยสำนักข่าวเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ทหารและกลาโหมของสหรัฐว่า กองกำลังเสริมจากกองบินที่ 82 จะเข้าประจำการในอิรัก คูเวต และส่วนอื่นของภูมิภาค

ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น

สถานการณ์ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่กองกำลังฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) ซึ่งเป็นองค์กรที่สนับสนุนโดยรัฐบาลอิรักและจัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มติดอาวุธกาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ (Kata'ib Hezbollah - KH) ระบุว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐสหรัฐได้ใช้โดรนเข้าถล่มฐานทัพทหารของ KH ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนกองกำลัง KH บุกเข้าไปยังสถานทูตสหรัฐในกรุงแบกแดด

การทิ้งระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นสองวันหลังจากมีการโจมตีค่ายทหารของสหรัฐ จนทำให้มีผู้รับเหมาของสหรัฐเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ขณะที่สหรัฐกล่าวโทษกลุ่ม KH ซึ่งเป็นกองกำลังทหารที่อิหร่านหนุนหลังมาเป็นเวลานาน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า "อิหร่านต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้รับเหมาของสหรัฐและการโจมตีสถานทูตสหรัฐ แต่อิหร่านได้ปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการโจมตีกองกำลังทหารสหรัฐในอิรัก

กระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวว่า การโจมตีล่าสุดนี้เป็นคำสั่งของปธน.ทรัมป์ เพื่อพุ่งเป้าปลิดชีพนายพลโซเลมานี ซึ่งเป็นผู้อนุมัติ การโจมตีสถานทูตสหรัฐในกรุงแบกแดด และกำลังวางแผนโจมตีนักการทูตและเจ้าหน้าที่สหรัฐในอิรัก

อนาคตที่ไม่มีใครทราบ

แม้ประเทศทั่วโลกกำลังเตรียมรับมือกับความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและอิหร่าน แต่ยังไม่มีใครทราบว่าความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายจะยืดเยื้อยาวนานเพียงใด

"ผมคิดว่ารัฐบาลอิหร่านโกรธมาก และอยากจะโต้กลับ" เดวิด พอลลอค เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำสถาบันวอชิงตันฝ่ายนโยบายตะวันใกล้ เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว

ขณะที่ดาร์เรล เวสต์ เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสประจำสถาบันบรูกกิ้งกล่าวว่า การโจมตีของทรัมป์เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความขัดแย้งในปัจจุบันกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชาวอเมริกัน และมีความเสี่ยงสูงมากที่ความขัดแย้งดังกล่าวจะบานปลายจนเกินควบคุม จนนำไปสู่การเป็นปรปักษ์กันมากขึ้นในภูมิภาค

นายเบนนี ธอมป์สัน สมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรคเดโมแครต และประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ แถลงว่า "การกระทำอันประมาทของทรัมป์ในตะวันออกกลางทำให้เรามีความปลอดภัยน้อยลง และผลที่ตามาก็คือความมั่นคงของประเทศจะตกอยู่ในความเสี่ยงที่ร้ายแรง

หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการอดทนอดกลั้น

หลังจากการโจมตีล่าสุด กระทรวงต่างประเทศของจีนได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสหรัฐ ใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกลาง

"ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น จีนต่อต้านการใช้กำลังมาโดยตลอด และขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรแห่งสหประชาชาติ และใช้ธรรมเนียมปฏิบัติพื้นฐานในการดูแลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ" นายเกิง ฉวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าว

"เราต้องป้องกันไม่ให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นอีก เพราะอาจทำให้เกิดความขัดแย้งไปทั่วภูมิภาค" นายเฮโค มาอาส รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมันกล่าว พร้อมเสริมว่า เยอรมนีกำลังหารืออย่างใกล้ชิดกับอังกฤษและฝรั่งเศส เกี่ยวกับแนวทางการคลี่คลายสถานการณ์

ขณะที่นายฟรองซัวส์ ฟิลิปป์ ชอมปาญ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา กล่าวว่า "เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจและร่วมมือกันคลี่คลายความตึงเครียด เป้าหมายของเราคือการทำให้อิรักมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและมีเสถียรภาพ"

ด้านกระทรวงการต่างประเทศของคูเวตกล่าวว่า ประชาคมโลกควรร่วมมือกันในการรักษาความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของภูมิภาค พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นและลดความตึงเครียด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ