รัฐบาลฮ่องกงเมินผู้ประท้วงเรียกร้องสิทธิเลือกตั้ง ย้ำหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบ

รัฐบาลฮ่องกงได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ โดยมีเนื้อหาปฏิเสธข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงที่ร้องขอให้ชาวฮ่องกงมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป (universal suffrage) ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ขอให้ชาวฮ่องกงเคารพในหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" โดยเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการหันหน้าเจรจาร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ต่อไป

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ชาวฮ่องกงจำเป็นต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ผู้นำฮ่องกงที่ชาวฮ่องกงเลือกนั้นต้องขึ้นตรงต่อรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย

แถลงการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลจีนยังคงมีจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับฮ่องกง แม้การประท้วงได้กลับมารุนแรงอีกครั้งก็ตาม

เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้ใช้แก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทยเพื่อสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงได้ก่อเหตุรุนแรงและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ ตำรวจยังได้จับกุมตัวผู้ประท้วงที่ก่อเหตุเอาไว้หลายคน

ในช่วงแรกนั้น การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ก่อนที่เหตุการณ์จะเริ่มรุนแรงในเวลาต่อมา โดยมีผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งปิดกั้นเส้นทางสัญจรและใช้สีพ่นตามอาคารต่าง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดปราบจลาจลเข้าขัดขวาง จนนำไปสู่การปะทะกัน

สำหรับการชุมนุมครั้งล่าสุดนี้ กลุ่มผู้ประท้วงได้ออกมาเรียกร้องสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป โดยผู้ประท้วงระบุว่า รัฐบาลฮ่องกงไม่ได้ทำตามคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับสิทธิดังกล่าว นับตั้งแต่จีนได้เข้าปกครองอ่องกงในปี 2540

การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงยืดเยื้อมานานหลายเดือน และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีชนวนเหตุมาจากความไม่พอใจร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งผู้ชุมนุมมองว่ารัฐบาลจีนกำลังแทรกแซงสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง ส่งผลให้มีการเรียกร้องให้นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ลาออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ เมื่อจีนได้รับมอบฮ่องกงคืนจากอังกฤษ ทางการจีนได้สร้างความเชื่อมั่นว่า ฮ่องกงจะถูกปกครองภายใต้นโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบเป็นระยะเวลา 50 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปี 2590 นโยบายนี้ระบุไว้ว่า จีนจะให้อิสระกับฮ่องกงในแง่ของระบบการเมือง กฎหมาย เศรษฐกิจ การเงิน และความสัมพันธ์กับต่างประเทศ โดยมีกฎหมายพื้นฐาน (Basic Law) เป็นกฎหมายหลัก ซึ่งเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญฉบับย่อยของฮ่องกง