นักวิเคราะห์ชี้ "ซูเบียนโต" ให้คำมั่นใหญ่โตในการหาเสียง แต่กังขาจะทำได้จริงหรือไม่

ข่าวต่างประเทศ Friday February 23, 2024 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย เตรียมขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือนต.ค. หลังจากคว้าชัยชนะครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 ก.พ. โดยจนถึงขณะนี้ การนับคะแนนเสียงดำเนินไปแล้ว 75% ซึ่งผลการนับคะแนนล่าสุดจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเผยว่า นายซูเบียนโตและนายยิบราน รากาบูมิง รากา ผู้ร่วมหาเสียงของเขา ซึ่งจะได้ขึ้นเป็นรองประธานาธิบดี มีคะแนนเสียงรวมกันเกือบ 59%

อนึ่ง นายยิบราน คือบุตรชายคนโตของนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนปัจจุบัน

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นายซูเบียนโต ซึ่งเปลี่ยนภาพลักษณ์ตนเองจากอดีตนายพลแข็งกร้าวไปเป็นคุณลุงใจดี ได้ให้คำมั่นว่าจะสานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันต่อไป แม้ว่านักลงทุนและนักธุรกิจอาจจะยินดีกับการสัญญาว่าจะดำเนินนโยบายแบบต่อเนื่อง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่านายซูเบียนโตอาจมีแผนหรือแนวคิดของตัวเองว่าจะบริหารประเทศอย่างไรต่อไป

ในสมัยของนายวิโดโดนั้น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของอินโดนีเซียเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 5% ในช่วง 10 ที่ผ่านมา ยกเว้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างปี 2563-2564 ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยส่วนใหญ่มุ่งตรงไปที่ภาคส่วนนิกเกิลที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลก็ทุ่มงบประมาณจำนวนมากไปกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ

"ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะยกเครื่องนโยบายเศรษฐกิจทั้งหมด เพราะท้ายที่สุดแล้ว ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งก็จะเปรียบเทียบนโยบายเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน กับนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่อยู่ดี" นายโจชัว ปาร์เดเด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเปอร์มาตาในอินโดนีเซีย กล่าว

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนแย้งว่านายซูเบียนโตอาจดำเนินนโยบายในด้านหลัก ๆ แตกต่างออกไปจากนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

"ผู้คนมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ต้องสานต่อนโยบายจากรัฐบาลชุดเดิมทั้งหมด แต่ผมมองว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายไปจากเดิมบ้าง โดยเป็นไปได้ที่จะยกเลิกบางนโยบายไป" นายปีเตอร์ มัมฟอร์ด หัวหน้าฝ่ายการรายงานความเสี่ยงทางการเมืองประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของยูเรเชีย กรุ๊ป กล่าวในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี โดยชี้ว่าแผนการใช้จ่ายจำนวนมหาศาลของนายซูเบียนโตคือสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความกังวล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ