นายซอ ตอ นี โฆษกของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือกะเหรี่ยงเคเอ็นยูซึ่งเป็นหัวหอกในการโจมตีรัฐบาลทหารเมียนมาในเมืองเมียวดีระบุในวันนี้ (24 เม.ย.) ว่า กะเหรี่ยงเคเอ็นยูได้ถอนกำลังออกจากเมืองเมียวดีที่อยู่ติดกับพรมแดนไทยแล้ว เนื่องจากถูกทหารกองทัพเมียนมาตอบโต้กลับ หลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้แย่งชิงเมืองเมียวดีในเดือนนี้ได้เพียงไม่นาน
ทั้งนี้ นายซอ ตอ นีระบุว่า กะเหรี่ยงเคเอ็นยูได้ทำการล่าถอยออกจากเมืองเมียวดีเป็นการชั่วคราว หลังทหารของกองทัพเมียนมากลับคืนสู่พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญอีกครั้ง โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นทางการค้าต่างชาติสำคัญที่มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
"กองกำลังของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) จะทำลายทหารกองทัพเมียนมาและทหารกองหนุนที่เคลื่อนพลเข้าสู่เมืองเมียวดี" นายซอ ตอ นีระบุ โดย KNLA เป็นกองกำลังติดอาวุธของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู
อย่างไรก็ตาม นายซอ ตอ นี ไม่ได้เปิดเผยแผนการต่อไปของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การสู้รบระหว่างกะเหรี่ยงเคเอ็นยูกับฝ่ายกองทัพเมียนมาในเมืองเมียวดีปะทุขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 20 เม.ย. ส่งผลให้ประชาชน 3,000 คนหลบหนีออกจากพื้นที่เสี่ยงภายในวันเดียว ขณะที่กะเหรี่ยงเคเอ็นยูพยายามโจมตีทหารเมียนมาที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา
ในวันนี้ ฝั่งไทยระบุว่าสถานการณ์สู้รบในเมืองเมียวดีเริ่มคลี่คลายลงแล้ว และหวังว่าจะกลับมาเปิดเส้นทางข้ามพรมแดนได้อีกครั้ง เนื่องจากการค้าชายแดนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่วนประชาชนเมียนมาส่วนใหญ่กลับประเทศแล้วและยังเหลือติดค้างอยู่ในไทย 650 ราย
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่า "สถานการณ์ในเมียวดีกระเตื้องขึ้นอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงจับตาสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ"