คอยน์เบส โกลบอล อิงค์ (Coinbase Global Inc) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลเมื่อวันพฤหัสบดี (15 พ.ค.) ว่า บริษัทคาดว่าจะต้องแบกรับความเสียหายจากเหตุโจมตีทางไซเบอร์ครั้งล่าสุดสูงถึง 180-400 ล้านดอลลาร์
บริษัทได้รับอีเมลจากแฮกเกอร์นิรนามเมื่อวันที่ 11 พ.ค. อ้างว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีลูกค้าบางส่วนและเอกสารภายในของบริษัทได้
รายงานระบุว่า แฮกเกอร์ได้จ่ายเงินให้กับพนักงานสัญญาจ้างและพนักงานฝ่ายสนับสนุนที่ทำงานอยู่นอกสหรัฐฯ เพื่อรวบรวมข้อมูลสำคัญ โดยบริษัทได้เลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องทันทีหลังตรวจพบหลักฐาน
นอกจากนี้ ทางคอยน์เบสยืนยันว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมีเพียงชื่อ ที่อยู่ และอีเมลของลูกค้าเท่านั้น โดยไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือข้อมูลล็อกอินรั่วไหล และจะชดเชยความเสียหายให้กับลูกค้าที่ถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของแฮกเกอร์
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เริ่มตรวจสอบว่า คอยน์เบสอาจรายงานจำนวนผู้ใช้งานผิดพลาด และกำลังพิจารณาว่าข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนั้นอาจชี้ให้เห็นว่าบริษัทมีระบบตรวจสอบตัวตนลูกค้า (know-your-customer หรือ KYC) ไม่รัดกุม ซึ่งถือเป็นข้อบังคับสำคัญสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนกับ SEC
อย่างไรก็ตาม โฆษกของคอยน์เบสปฏิเสธว่า SEC ไม่ได้สอบสวนประเด็นการปฏิบัติตามกฎเกี่ยวกับ KYC และกฎหมายว่าด้วยการธนาคารเพื่อป้องกันการฟอกเงิน (Bank Secrecy Act)
ทั้งนี้ ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของคอยน์เบสดิ่งลงกว่า 6.5% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด