สำนักงานการบินพลเรือนเนปาล (CAAN) ประกาศว่า ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน (TIA) ในกรุงกาฐมาณฑุ เริ่มกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินแล้ว หลังจากปิดทำการไปหนึ่งวันท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ
สำนักงานฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า "เราขอแจ้งให้ทราบว่า การระงับเที่ยวบินเนื่องจากสถานการณ์ไม่สงบได้ถูกยกเลิกแล้ว ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะกรรมการความปลอดภัยท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน" พร้อมกันนี้ ทางสำนักงานฯ ได้ขอให้ผู้โดยสารติดต่อสายการบินหรือตัวแทนจำหน่ายตั๋วโดยสารก่อนออกเดินทางไปสนามบิน
ทั้งนี้ สนามบินนานาชาติตรีภูวันปิดทำการมาตั้งแต่วันอังคาร (9 ก.ย.) ก่อนกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันพุธ เวลา 15.30 น. ตามประกาศของ CAAN
ก่อนหน้านี้ CAAN ได้ประกาศระงับการให้บริการอย่างไม่มีกำหนดที่ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติเพียงแห่งเดียวของเนปาล โดยระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย คำสั่งห้ามชุมนุมและประกาศเคอร์ฟิว ตลอดจนทัศนวิสัยที่ต่ำลงเนื่องจากควันไฟบนรันเวย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของเครื่องบิน
สำหรับการกลับมาเปิดให้บริการสนามบินกาฐมาณฑุในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นในเมืองหลวง โดยกองทัพเนปาลได้จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปล้นสะดม วางเพลิง และการกระทำรุนแรงอื่น ๆ ในระหว่างการประท้วงที่นำโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ทั่วประเทศ รวมถึงในกรุงกาฐมาณฑุ จำนวน 27 ราย
การจับกุมเกิดขึ้นระหว่างคืนวันอังคารเวลา 22.00 น. ถึงเช้าวันพุธเวลา 10.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังทหารถูกส่งเข้าควบคุมสถานการณ์การประท้วงทั่วประเทศ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงยังได้ระดมรถดับเพลิง 3 คันเพื่อดับไฟที่ถูกวางขึ้นระหว่างเหตุจลาจลด้วย
รายงานข่าวระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่สามารถยึดเงินสดที่ถูกขโมยไปได้ถึง 3.37 ล้านรูปีเนปาล (ประมาณ 760,000 บาท) และยังยึดอาวุธจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงปืน 31 กระบอกพร้อมซองกระสุนและเครื่องกระสุน โดยยึดได้จากกาฐมาณฑุ 23 กระบอก และจากเมืองโปขราอีก 8 กระบอก
ก่อนหน้านี้ กองทัพเนปาลได้ออกคำสั่งห้ามชุมนุมและประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบทวีความรุนแรงขึ้นจากการประท้วงของกลุ่ม Gen Z ในหลายพื้นที่ โดยประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ย. เป็นต้นไป และการตัดสินใจเพิ่มเติมใด ๆ จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในแถลงการณ์เดียวกัน กองทัพยังได้แสดงความขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเตือนว่า "บุคคลและกลุ่มนอกกฎหมาย" ได้แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมและกำลังก่ออาชญากรรมที่อันตราย เช่น วางเพลิง ปล้นสะดม ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง และแม้แต่พยายามข่มขืน