ทางการมาเลเซียเปิดเผยในวันนี้ (11 พ.ย.) ว่า จากเหตุการณ์เรือผู้อพยพผิดกฎหมายล่มในน่านน้ำใกล้พรมแดนทางทะเลระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซียเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 12 ราย และช่วยผู้รอดชีวิตไว้ได้ 13 คน
รอมลี มุสตาฟา ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเลของมาเลเซีย (MMEA) ประจำรัฐเกดะห์และปะลิส แถลงว่า เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 รายในน่านน้ำรัฐเกดะห์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.) ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 1 ราย ผู้ชาย 2 ราย และผู้หญิง 2 ราย
รอมลีกล่าวว่า การค้นหาต้องหยุดลงชั่วคราวเมื่อเวลา 19:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี และได้กลับมาเริ่มค้นหาอีกครั้งในเช้าวันนี้
รอมลีกล่าวว่า เฉพาะในปีนี้มีการจับกุมผู้อพยพในน่านน้ำรอบเกาะลังกาวี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของรัฐเกดะห์แล้ว 2 คดี รวมผู้ถูกจับกุม 436 คน เนื่องจากที่ตั้งของเกาะลังกาวีอยู่ห่างจากชายแดนไทยเพียง 2.5 ไมล์ทะเล ทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นจุดขึ้นฝั่งยอดนิยม
"พวกเขาไม่ได้มาลังกาวีเพื่อจะอยู่ที่นี่ แต่จะถูกพาต่อไปยังพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของประเทศ" รอมลีกล่าวรอมลีกล่าวเสริมว่า ความพยายามลักลอบเข้าเมืองทางทะเลมักจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ดังนั้น เหตุการณ์ส่วนใหญ่จึงมักเกิดขึ้นในช่วงปลายปีและต้นปี
ขณะเดียวกัน MMEA ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ได้สกัดผู้ลักลอบเข้าเมืองที่พยายามใช้เส้นทางเดียวกันนี้ได้แล้วรวม 1,333 คน และในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ได้ควบคุมตัวกัปตันเรือและลูกเรืออีก 24 คนในข้อหาให้ความช่วยเหลือ