นายลี ยงพัด นักธุรกิจและสมาชิกวุฒิสภากัมพูชา และเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท LYP Group ออกมาปฏิเสธต่อรายงานของสื่อไทยที่ระบุว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมทางไซเบอร์และการฟอกเงิน โดยเรียกข้อกล่าวหาเหล่านั้นว่าเป็นข่าวเท็จและสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของเขา
นอกจากนี้ นายลี ยงพัด ปฏิเสธรายงานที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้บุกค้นสถานที่ 36 แห่ง และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 400 ล้านบาท ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์
'สถานที่ทั้งสามแห่ง บ้านในกรุงเทพ บ้านและที่ดินในจังหวัดตราด และสำนักงานอีกแห่ง เป็นเพียงที่พักอาศัย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมายใด ๆ' นายลี ยงพัดให้สัมภาษณ์กับ The Phnom Penh Post
'การเผยแพร่ข่าวนี้ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดและทำลายชื่อเสียงของผม' เขากล่าว และเสริมว่า การตรวจค้นสถานที่ทั้ง 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ไม่พบหลักฐานการกระทำผิดใด ๆ
'การตรวจค้นเป็นไปอย่างถูกต้องและสงบเรียบร้อย แต่สื่อกลับเผยแพร่ภาพข่าวว่า เป็นการบุกจับขบวนการหลอกลวง ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด'
เขาชี้แจงว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของไทย เคยอายัดทรัพย์สินในประเทศไทยมาก่อน แต่ไม่มีรายการใดเป็นชื่อของเขา
นายลี ยงพัด กล่าวเสริมว่า เมื่อสองสัปดาห์ก่อน มีรายงานจากสื่อไทยว่า มีการอายัดเงินจำนวน 350 ล้านบาทภายใต้ชื่อของเขา ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน
'จนถึงขณะนี้มีรายงานเรื่องการอายัดทรัพย์ถึงสามครั้ง แต่ไม่มีแม้แต่บาทเดียวที่เป็นชื่อของผม พวกเขานำชื่อและภาพของผมไปโยงกับข่าวนี้ ซึ่งไม่ยุติธรรมและเป็นข่าวปลอมอย่างชัดเจน'
นายลี ยงพัด กล่าวว่า รายงานเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อชื่อเสียงของเขา และตั้งคำถามถึงจรรยาบรรณของสื่อไทยที่เผยแพร่ข่าวดังกล่าว
นอกจากนี้ เขาเรียกร้องให้สื่อไทยรายงานความจริง และแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
'ในฐานะนักธุรกิจ ข่าวที่ทำให้เข้าใจผิดเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของผม แต่ยังส่งผลกระทบต่อแรงงานชาวกัมพูชาหลายพันคนที่ทำงานในกลุ่มบริษัทของครอบครัวผมด้วย'
นายลี ยงพัด ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว และการพัฒนาสังคมในกัมพูชา กล่าวเสริมว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้อาจมีแรงจูงใจทางการเมือง หรือทางธุรกิจอยู่เบื้องหลัง
'ผมอยู่ในธุรกิจกาสิโนมานานกว่า 20 ปี และดำเนินการอย่างถูกกฎหมายเสมอ'
เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจกาสิโนต้องปิดตัวลง นายลี ยงพัดก็ได้หันมาปล่อยเช่าอาคารให้บุคคลภายนอกในรูปแบบที่ถูกต้องตามกฎหมายของกัมพูชา
'ผมกลายเป็นเป้าหมายเพราะผมเป็นประธานสมาคม Oknha เป็นเพื่อนสนิทของผู้นำกัมพูชา และมีธุรกิจอยู่ตามแนวชายแดน'
แม้จะถูกกล่าวหา แต่เขายังคงมั่นใจว่า ความจริงจะปรากฏผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
'ผมยังมีความหวัง เพราะข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริง แม้สถานการณ์ตอนนี้จะยากลำบาก แต่ผมเชื่อว่าความยุติธรรมจะช่วยเคลียร์ชื่อเสียงของผม'
นายลี ยงพัด ซึ่งมีถิ่นกำเนิดจากจังหวัดเกาะกง เล่าย้อนอดีตว่า เขาเคยลี้ภัยไปอยู่ในประเทศไทยในยุคเขมรแดง ก่อนจะกลับมายังกัมพูชาในอีกหลายสิบปีต่อมาเพื่อร่วมลงทุนในการพัฒนาประเทศ
เขากล่าวปิดท้ายว่า เขาไม่มีทรัพย์สินลับใด ๆ ที่จะให้เจ้าหน้าที่มายึด และธุรกิจทั้งหมดของเขาดำเนินอย่างเปิดเผยและถูกต้องตามกฎหมาย
'ผมไม่ได้เปิดศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ ผมสร้างบริษัทด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง และผมมีส่วนร่วมในการพัฒนากัมพูชาเสมอมา' เขากล่าว