สถานการณ์อุทกภัยในศรีลังกายังคงวิกฤตหนัก หลังพายุไซโคลนดิตวาห์ (Ditwah) พัดถล่มต่อเนื่องจนเขื่อนแตก ส่งผลให้ ณ วันอาทิตย์ (30 พ.ย.) ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งแตะ 212 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 218 คน
ฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 พ.ย.) ทำให้เกิดดินโคลนถล่มหลายจุดในพื้นที่ภูเขาภาคกลาง และมวลน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยศูนย์จัดการภัยพิบัติของศรีลังกา (DMC) รายงานว่า ภัยธรรมชาติครั้งนี้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเกือบ 1 ล้านคน ในจำนวนนี้เกือบ 2 แสนคนต้องทิ้งบ้านเรือนหนีตายไปอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราวที่มีอยู่ราว 1,275 แห่ง
ในด้านการช่วยเหลือนั้น รัฐบาลได้ระดมกำลังตำรวจ ทหารบก และทหารอากาศกว่า 24,000 นาย ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ยังคงติดค้าง จุดที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งกระแสน้ำได้กัดเซาะจนเขื่อน "มาวิล อารู" (Mavil Aru) พังทลาย กองทัพอากาศต้องส่งเฮลิคอปเตอร์บินฝ่าวงล้อมน้ำเข้าไปรับตัวผู้ประสบภัยกว่า 120 คนออกมาได้อย่างปลอดภัย และเร่งอพยพชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงอีกราว 2,000 คนขึ้นสู่ที่สูง
สภาพความเสียหายในกรุงโคลัมโบและเขตเศรษฐกิจสำคัญยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะย่านชานเมืองเกลาณียะ มีรายงานว่าหลายสิบครอบครัวยังติดอยู่ภายในบ้านท่ามกลางระดับน้ำสูง แม้หน่วยงานรัฐและภาคเอกชนจะพยายามนำอาหารปรุงสุกเข้าไปแจกจ่าย แต่ชาวบ้านหลายคนเปิดเผยว่าความช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ทั่วถึง
กรมชลประทานคาดการณ์ว่าระดับน้ำจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 3 วันข้างหน้า เนื่องจากพายุไซโคลนกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังตอนใต้ของอินเดีย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เตรียมเข้ากู้ระบบสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรคมนาคม ให้กลับมาใช้งานได้ทันทีหลังน้ำลด
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียนั้น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ต่างเผชิญกับฝนตกหนัก น้ำท่วม และดินถล่ม ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งสามประเทศพุ่งสูงกว่า 600 รายแล้ว