อาเหม็ด อัล อาเหม็ด ชายวัย 43 ปีที่เข้าแย่งปืนจากผู้ก่อเหตุกราดยิงที่หาดบอนได ในนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย กำลังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลหลังจากเข้ารับการผ่าตัดรักษาบาดแผลที่เกิดจากกระสุนปืนบริเวณแขนและมือ
คลิปวิดีโอที่กำลังเป็นไวรัลในโลกโซเชียลเผยให้เห็นว่า อาเหม็ด เจ้าของร้านขายผลไม้ในซิดนีย์ ได้หลบอยู่หลังรถที่จอดอยู่ ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่คนร้ายจากด้านหลัง แย่งปืนไรเฟิลจากมือคนร้าย และผลักคนร้ายจนล้มลงกับพื้น
มุสตาฟา ลูกพี่ลูกน้องของอาเหม็ด ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ 7News Australia ว่า แพทย์แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าอาเหม็ดมีอาการคงที่หลังจากการผ่าตัด
"เขาเป็นวีรบุรุษ เขาเป็นวีรบุรุษร้อยเปอร์เซ็นต์" มุสตาฟากล่าว "เขายังอยู่ในโรงพยาบาล และเราไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน...แต่เราหวังว่าเขาจะปลอดภัย"
คริส มินน์ส มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ยกย่องอาเหม็ดว่าเป็น "วีรบุรุษตัวจริง" และกล่าวว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นฉากที่เหลือเชื่อที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ยกย่องอาเหม็ดว่าเป็น "บุคคลที่กล้าหาญมาก ๆ" และช่วยชีวิตคนจำนวนมาก
นอกจากนี้ มีการตั้งแคมเปญระดมทุน GoFundMe ให้กับอาเหม็ด ซึ่งระดมทุนได้มากกว่า 200,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 4,185,000 บาท) ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยมี บิล แอ็กแมน มหาเศรษฐีผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ เป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดจำนวน 99,999 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงที่หาดบอนไดเพิ่มขึ้นเป็น 16 ราย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุเป็นสองพ่อลูก โดยผู้เป็นพ่ออายุ 50 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนลูกชายวัย 24 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล