ผลสำรวจความคิดเห็นสองฉบับล่าสุดเผยว่า ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่สนับสนุนการคุมเข้มกฎหมายครอบครองปืน หลังเกิดเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ที่หาดบอนได นครซิดนีย์ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย
ผลสำรวจฉบับแรกที่จัดทำโดยยูโกฟ (YouGov) ระหว่างวันที่ 16-22 ธ.ค. พบว่า 92% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวออสเตรเลียเห็นว่า การครอบครองปืนควรถูกห้าม หรือกฎหมายควรเข้มงวดขึ้น หลังเหตุกราดยิงอุกอาจ
ในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าตนเป็นผู้สนับสนุนพรรคแรงงาน 50% ระบุควรห้ามครอบครองปืน ขณะที่ 47% เห็นว่าควรปรับกฎหมายให้เข้มงวดขึ้น และ 3% เห็นว่าควรไม่เปลี่ยนแปลง
พอล สมิธ ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลสาธารณะของ YouGov ระบุว่า ชาวออสเตรเลียเห็นพ้องกันเรื่องการคุมเข้มกฎหมายปืน
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจอีกฉบับหนึ่งที่ของรีโซล์ฟ สตราทีจิก (Resolve Strategic) บริษัทวิจัยการตลาดของออสเตรเลีย พบว่า 76% ของชาวออสเตรเลียสนับสนุนการปรับให้ฎหมายครอบครองปืนเข้มงวดขึ้น ขณะที่ 10% ต้องการให้กฎหมายคงเดิม
นอกจากนี้ 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุนการจำกัดใบอนุญาตปืนเฉพาะพลเมืองออสเตรเลีย และมากกว่า 80% สนับสนุนมาตรการอื่น ๆ รวมถึงจำกัดจำนวนปืนต่อบุคคล การควบคุมปืนไรเฟิลแรงสูงอย่างเข้มงวด และจัดทำฐานข้อมูลกลางเพื่อติดตามการครอบครองปืน
ด้านแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ประกาศเดินหน้าคุมเข้มกฎหมายปืน พร้อมเปิดโครงการรับซื้ออาวุธปืนคืนทั่วประเทศ เพื่อลดจำนวนปืนในชุมชน และย้ำว่ารัฐบาลกลาง รัฐ และดินแดน กำลังพิจารณามาตรการเข้มงวดเพิ่มเติม รวมถึงจำกัดจำนวนปืนที่บุคคลหนึ่งคนสามารถครอบครองได้
ทั้งนี้ ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ออสเตรเลีย หนึ่งในสองมือยิง ซึ่งเป็นชายวัย 50 ปี ที่ถูกตำรวจวิสามัญ มีใบอนุญาตอาวุธปืนและเป็นเจ้าของปืน 6 กระบอกอย่างถูกกฎหมาย