นายหยิน ยี่หมิน ประธานบริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ได้ออกมาขอโทษต่อพนักงานและลูกค้าในวันนี้ หลังจากที่บริษัทยอมเสียค่าปรับ 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐ
ในหนังสือเวียนภายในบริษัท นายหยินกล่าวว่า ZTE จะพยายามกลับมาดำเนินธุรกิจเหมือนเดิมโดยเร็วที่สุด และจะมีการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากความผิดพลาดของผู้นำและพนักงานบางคนของบริษัท
นายหยินระบุว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐได้สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อบริษัท ซึ่งทำให้ต้องมีการจ่ายในราคาแพง
ทั้งนี้ ZTE ยอมรับผิดในปีที่แล้วในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการหลบหลีกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มีต่ออิหร่าน ด้วยการซื้อชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ของสหรัฐ และได้ประกอบเข้าไปในอุปกรณ์ของ ZTE ก่อนที่จะส่งออกไปยังอิหร่าน
นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าววานนี้ว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท ZTE โดย ZTE จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อแลกกับการที่สหรัฐยกเลิกมาตรการลงโทษบริษัท
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ตามข้อตกลงดังกล่าว ZTE จะต้องจ่ายค่าปรับ 1 พันล้านดอลลาร์ พร้อมกับวางเงินมัดจำจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินดังกล่าวจะถูกริบ หากพบว่าบริษัทได้กระทำความผิดอีกในอนาคต
ขณะเดียวกัน สหรัฐจะส่งเจ้าหน้าที่ชุดหนึ่งเข้าประจำอยู่ในบริษัท เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของ ZTE ซึ่ง ZTE จะต้องรับผิดชอบในการจ่ายเงินเดือนจ้างเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว
นอกจากนี้ ZTE ยังต้องทำการปรับเปลี่ยนบอร์ดบริหารบริษัทภายในเวลา 30 วัน
หากสหรัฐพบว่า ZTE มีการกระทำความผิดอีกในอนาคต บริษัทจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ซื้อสินค้าจากสหรัฐเป็นเวลา 10 ปี
เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้สั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าให้กับ ZTE เป็นเวลา 7 ปี เนื่องจาก ZTE ได้ส่งออกสินค้าไปยังอิหร่านและเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
ทั้งนี้ การที่สหรัฐออกมาตรการลงโทษ ZTE ในเดือนเม.ย.นั้น ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อ ZTE เนื่องจากบริษัทสหรัฐได้จัดหาชิ้นส่วนต่างๆซึ่งใช้ในการผลิตอุปกรณ์ของ ZTE ในสัดส่วนราว 20-30% ของอุปกรณ์ทั้งหมดของ ZTE ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน และชิ้นส่วนที่ใช้ในการสร้างเครือข่ายโทรคมนาคม นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้ ZTE เลื่อนการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 1 โดยระบุว่าทางบริษัทจำเป็นต้องใช้เวลาในการประเมินผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐประกาศห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าให้กับทางบริษัท