จีนเผยกำลังติดต่อสหรัฐปูทางประชุมซัมมิต"ทรัมป์-สีจิ้นผิง"นอกรอบประชุม G20

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 30, 2018 18:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนกำลังทำการติดต่อสหรัฐเพื่อจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในเดือนหน้า

นายลู่ กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนหวังว่าสหรัฐจะดำเนินการเจรจาการค้าในลักษณะที่เท่าเทียมกัน และด้วยความจริงใจ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ

หากการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงเกิดขึ้นจริง ก็จะถือเป็นการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมที่กรุงปักกิ่งในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ การประชุม G20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาคิดว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่กับจีน แต่เขาก็เตือนว่าสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีอีกหลายแสนล้านดอลลาร์ต่อสินค้าจีน หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับจีน

"ผมคิดว่าเราจะทำข้อตกลงครั้งใหญ่กับจีน โดยมันจะต้องเป็นข้อตกลงขนาดใหญ่ เพราะจีนได้เอาเปรียบประเทศของเรามานานแล้ว" ปธน.ทรัมป์กล่าว

ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาต้องการที่จะทำข้อตกลงในขณะนี้ แต่จีนยังไม่มีความพร้อม

ขณะนี้ สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงิน 1.10 แสนล้านดอลลาร์

"และผมก็เตรียมเก็บภาษีสินค้าจีนในวงเงินอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ถ้าเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลง" ปธน.ทรัมป์กล่าว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐกำลังเตรียมเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ หากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน

นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงจะพบปะกันนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในเดือนหน้า

ทั้งนี้ สหรัฐอาจประกาศเรียกเก็บภาษีรอบใหม่ต่อสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีนอย่างเร็วที่สุดในเดือนธ.ค. โดยสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าที่เหลือของจีนที่ยังไม่ถูกเก็บภาษีก่อนหน้านี้ โดยการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่จะคิดเป็นมูลค่า 2.67 แสนล้านดอลลาร์

การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้เริ่มต้นในช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยสำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประกาศรายการสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีนที่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการเรียกเก็บภาษีสินค้าล็อตที่ 2 วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์มีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค. ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน

ในวันที่ 17 ก.ย. ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งใหม่ในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยเรียกเก็บในอัตรา 10% ซึ่งได้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า ขณะที่รัฐบาลจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.เช่นกัน

ต่อมา ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ถ้าหากจีนได้ทำการตอบโต้ต่อการเรียกเก็บภาษีก่อนหน้านี้ของสหรัฐ

ทั้งนี้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งใหม่ในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากที่เรียกเก็บภาษีสินค้าวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ ก็เท่ากับว่าสหรัฐได้เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าทั้งหมดที่จีนส่งเข้าไปยังสหรัฐ โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า จีนได้ส่งออกสินค้าวงเงิน 5.05 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่สหรัฐในปีที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ