ประธานาธิบดี มุน แจอิน ของเกาหลีใต้ ประกาศยกระดับการเตือนภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สู่ระดับ "สีแดง" ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดแตะ 602 ราย ขณะผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 5 ราย
ปธน.มุนเป็นประธานการประชุมฉุกเฉินร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและทางการท้องถิ่นเพื่อจัดการรับมือกับการแพร่ระบาด โดยระบุว่า การยกระดับการเตือนภัยสู่ระดับสูงสุดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ระบบการตอบสนองต่อสถานการณ์โดยรวมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเป็นครั้งแรกที่เกาหลีใต้ยกระดับการเตือนภัยสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H1N1) ในปี 2552
ปธน.มุนกล่าวว่า ไม่กี่วันนับจากวันนี้จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งในการต่อสู้กับไวรัส
ภายใต้การเตือนระดับสีแดง รัฐบาลจะสามารถดำเนินมาตรการต่าง ๆ ได้เข้มงวดขึ้น อาทิ การห้ามจัดกิจกรรมหมู่ และ คำสั่งหยุดโรงเรียนเป็นการชั่วคราว เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการของเกาหลีใต้ได้สั่งให้โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาทั่วประเทศ เลื่อนวันเปิดภาคการศึกษาแรกออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์ เป็นวันที่ 9 มี.ค. และอาจมีการพิจารณามาตรการเพิ่มเติมโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต
ณ เวลา 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น วันนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้อยู่ที่ 602 ราย เพิ่มขึ้น 169 รายจากวันก่อนหน้า โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี (KCDC) แถลงข้อมูลวันละสองครั้ง ในเวลา 10.00 น. และ 17.00 น.
ในบรรดาผู้ติดเชื้อทั้งหมดนั้น 494 รายอาศัยอยู่ในเมืองแทกู ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 300 กม. และผู้ติดเชื้อจำนวน 329 รายมีความเชื่อมโยงกับโบสถ์ชินชอนจิ ซึ่งเป็นกลุ่มลัทธิทางศาสนากลุ่มหนึ่งในเมืองนี้ ขณะที่ผู้ติดเชื้ออีก 111 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลแทนัม ในเขตชองโด ทางใต้ของเมืองแทกู
ผู้เสียชีวิตสองรายแรกจากโควิด-19 ได้รับการยืนยันเมื่อวันพุธและวันศุกร์ ส่วนรายที่สามเสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ และอีกสองรายได้รับการยืนยันในวันนี้ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 5 รายในขณะนี้